แคนนอน หนีสงครามราคา ท้าชนตลาดกล้องดิจิตอล เปิดตัว 23 รุ่นรวด กินรวบขึ้นผู้นำตลาด หวังรายได้รวมแตะหมื่นล้าน
นายวาตารุ นิชิโอกะ ประธาน และประธานกรรมการ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ตลาดกล้องดิจิตอลแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะด้านราคา และโปรโมชั่น ทำให้มูลค่าตลาดลดลง โดยปีที่ผ่านมา ตลาดกล้องประเภทคอมแพคลดลง 2-3% จากมูลค่า 6,300 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะลดลงอีกอย่างน้อย 10-15% ขณะที่จำนวนการขายคาดว่าจะมีปริมาณ 1.6 ล้านยูนิต ทั้งนี้ แคนนอนจะไม่แข่งขันในเรื่องราคา แต่จะเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้น เพื่อยกระดับตลาดกล้องให้มีมูลค่าสูงขึ้น โดยปีนี้ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 23 รุ่น วางจำหน่ายในเดือนเม.ย. 2555 นี้
สำหรับกล้องรุ่นใหม่ที่จะวางจำหน่ายในเดือนเม.ย.นี้ จะมีทั้งกล้องสำหรับมืออาชีพ (ดีเอสแอลอาร์) และกล้องคอมแพค ที่พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เน้นระบบความคมชัดสูงสมบูรณ์แบบ หรือ ฟูล เอชดี เช่น เลนส์ หรือ เพิ่มฟังก์ชั่นไวไฟ และแอพพลิเคชั่น คาเมรา วินโดว์ เพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน เป็นต้น คาดว่าจะทำให้ยอดขายกล้องดิจิตอลของแคนนอนเพิ่มขึ้น 38% ในปีนี้ หรือมียอดขายรวม 6,346 ล้านบาท จากปีก่อนที่เติบโต 16% ขณะที่วางเป้าหมายรายได้รวม 1 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 24% จากปีที่แล้ว โดยมีรายได้จากพรินเตอร์ 3,100 ล้านบาท และเครื่องถ่ายเอกสาร 1,500 ล้านบาท
นายวรินทร์ ตันติพงศ์พานิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานคอนซูเมอร์ อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น กล่าวว่า การเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ของแคนนอนในปีนี้ เชื่อว่าจะเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ซึ่งไม่เน้นในเรื่องราคา แต่เน้นคุณภาพของภาพเป็นหลัก และจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 18 เป็น 23% หรือเป็นผู้นำในตลาดกล้องคอมแพคในปีนี้ จากปีก่อนผู้นำ คือ โซนี่ ตามด้วยซัมซุง ส่วนตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์ ปัจจุบันแคนนอนเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งตลาด 65% และปีนี้คาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่ง 65-70%
"ธุรกิจกล้องของแคนนอนเติบโตทุกปี แสดงให้เห็นว่าความต้องการการถ่ายภาพมีมากขึ้น 1 บ้าน มีกล้องมากกว่า 1 ตัวในปัจจุบัน แม้จะมีมือถือสมาร์ตโฟนเข้ามา เป็นการช่วยขยายวงความสนใจการถ่ายภาพให้กว้างขึ้น ไม่ได้ทำให้ตลาดกล้องหดตัวลง แต่หากจะถ่ายภาพให้ดี มีคุณภาพ ผู้บริโภคยังเลือกใช้กล้องอยู่ดี และยิ่งมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ยิ่งเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทางด้านนี้มากยิ่งขึ้น" นายวรินทร์กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทใช้งบทำตลาดรวม 700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 20% รวมทั้งจะขยายคอนเซปท์ สโตร์เพิ่มขึ้นอีก 6 แห่ง จากที่เปิดไปแล้ว 5 แห่งเมื่อปีที่แล้ว ลงทุนแห่งละ 4 ล้านบาท โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เช่น อุดร นครราชสีมา เพื่อสนับสนุนการจำหน่ายของดีลเลอร์และพัฒนาตลาดในต่างจังหวัดในแข็งแรงขึ้น ปัจจุบันยอดขายหลักมาจากกรุงเทพฯ 70% ต่างจังหวัด 30%
แหล่งที่มา เว็บไซต์โพสทูเดย์ 20 มีนาคม 2555 เวลา 21:10 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น