วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

25 password อันตรายประจำปี 2012



  1. password (ฮอตฮิตไม่เปลี่ยน)
  2. 123456 (ฮอตฮิตไม่เปลี่ยน)
  3. 12345678 (ฮอตฮิตไม่เปลี่ยน)
  4. abc123 (ขยับขึ้น 1 อันดับ)
  5. qwerty (ความนิยมลดลง 1 อันดับ)
  6. monkey (ฮอตฮิตไม่เปลี่ยน)
  7. letmein (ขยับขึ้น 1 อันดับ)
  8. dragon (ขยับขึ้น 2 อันดับ)
  9. 111111 (ขยับขึ้น 3 อันดับ)
  10. baseball (ขยับขึ้น 1 อันดับ)
  11. iloveyou (ขยับขึ้น 2 อันดับ)
  12. trustno1 (ความนิยมลดลง 3 อันดับ)
  13. 1234567 (ความนิยมลดลง 6 อันดับ)
  14. sunshine (ขยับขึ้น 1 อันดับ)
  15. master (ความนิยมลดลง 1 อันดับ)
  16. 123123 (ขยับขึ้น 4 อันดับ)
  17. welcome (ใหม่)
  18. shadow (ขยับขึ้น 1 อันดับ)
  19. ashley (ความนิยมลดลง 3 อันดับ)
  20. football (ขยับขึ้น 5 อันดับ)
  21. jesus (ใหม่)
  22. michael (ขยับขึ้น 2 อันดับ)
  23. ninja (ใหม่)
  24. mustang (ใหม่)
  25. password1 (ใหม่)

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ซัมซุงโชว์สมาร์ตดีไวซ์สุดล้ำเพื่อคอไอที


ซัมซุง กาแล็คซี่ เวิลด์ ทัวร์ เปิดมิติใหม่แห่งชีวิตสมาร์ต ทั้งแท็บเล็ต-สมาร์ตพีซี-กล้องดิจิตอล

ผ่านไปสดๆ ร้อนๆ กับ “GALAXY Note II World Tour in Jakarta” ที่ซัมซุงจัดงานเปิดตัวสมาร์ตดีไวซ์ระดับภูมิภาคพร้อมอวดนวัตกรรมสุดล้ำ โดยออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้เข้าถึงความต้องการ เพื่อสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย นำโดยแม่เหล็กตัวเป้งอย่าง “ซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต 2” ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมขนทัพผลิตภัณฑ์ไฮไลต์ตัวอื่นๆ มาโชว์ ไม่ว่าจะเป็น “กาแล็คซี่ คาเมร่า” “ซัมซุง ATIV สมาร์ต พีซี โปร” และ “ซัมซุง ATIV สมาร์ต พีซี” ด้วยเหตุนี้ M2F เลยขอเรียกน้ำย่อยคุณผู้อ่านกันก่อนด้วยข้อมูลคร่าวๆ ของผลิตภัณฑ์แต่ละตัว

ซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต 2
เริ่มต้นกันด้วยตัวเอกของงานอย่าง “ซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต 2” ซึ่งเป็นสมาร์ตดีไวซ์ที่พัฒนาต่อจากซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต ซึ่งโน้ต 2 นี้มาพร้อมหน้าจอ HD Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ทั้งยังให้ภาพคมชัดแบบ 16:9 มอบประสบการณ์ใหม่ในการรับชมวิดีโอ ภาพยนตร์แบบคาดไม่ถึง ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1 เจลลี่ บีน ประมวลผลโดย 1.6GHz Quad-Core จึงไม่ติดขัด ราบรื่น รวดเร็วทุกการใช้งานแบบมัลติทาสก์ และยังใช้เวลาน้อยกว่าในการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ แถมผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง S Pen ก็ทำให้น่าสนใจมากๆ

ซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต 2 เตรียมเปิดตัวในเมืองไทยอย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์นี้ ใครชอบใครรักก็เตรียมตัวหาซื้อได้เลย

ซัมซุง ATIV สมาร์ต พีซี
ถัดมาคือ “ซัมซุง ATIV สมาร์ต พีซี โปร” และ “ATIV สมาร์ต พีซี” เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวกในการพกพา วันๆ ต้องเดินทางไปนู่นนี่ ผสานลูกเล่นการทำงานระหว่างโน้ตบุ๊กกับแท็บเล็ตไว้ด้วยกัน

ซัมซุง ATIV ถือเป็นไลน์อัพใหม่สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการจากวินโดวส์ เลือกใช้หน้าจอซัมซุงซูเปอร์ไบรต์ขนาดเพียง 11.6 นิ้ว จอทัชสกรีนแบบมัลติทัช 10 จุด เพื่อการตอบสนองได้ไวอย่างใจ รวมถึงการสั่งงานรูปแบบต่างๆ ง่ายดายเพียง 2 นิ้วและ S Pen อัดแน่นเต็มเครื่องด้วยฟีเจอร์อื่นๆ ที่เทียบเท่ากับโน้ตบุ๊กระดับพรีเมี่ยมทั้งสองรุ่นของซัมซุง ATIV สามารถถอดส่วนคีย์บอร์ดออกมาได้เพื่อเปลี่ยนการใช้งานจากโน้ตบุ๊กพีซีธรรมดาให้เป็นแท็บเล็ต พีซีนั่นเอง

ซัมซุง กาแล็คซี่ คาเมร่า
ปิดท้ายกันด้วยสุดยอดดีไวซ์ที่เขย่าวงการกล้องถ่ายภาพ “ซัมซุง กาแล็คซี่ คาเมร่า” ตอบสนองคนชอบ “แชะ” และ “แชร์” ในทันที เมื่อรวมเอาที่สุดแห่งฟีเจอร์ที่ล้ำหน้าจากทั้งในโลกแห่งการถ่ายภาพและโลกแห่งสมาร์ตโฟนเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบภายใต้รูปลักษณ์อันทันสมัย ดูภาพที่ถ่ายได้ชัดเจนด้วยหน้าจอเอชดี ซูเปอร์เคลียร์ แอลซีดี ขนาด 4.8 นิ้ว และยังเลือกใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1 เจลลี่ บีนใหม่ ทำงานรวดเร็วและราบรื่น

ทั้ง “ซัมซุง ATIV สมาร์ต พีซี โปร” “ซัมซุง ATIV สมาร์ต พีซี” และ “กาแล็คซี่ คาเมร่า” ยังไม่มีแผนวางขายในเมืองไทยเร็วๆ นี้ แต่ถ้าบินตรงมาถึงเมืองไทยเมื่อไหร่จะนำข่าวมาฝากกัน

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Xperia SLสมาร์ตโฟนสุดแรงจากโซนี่


โซนี่ไทยเปิดตัว  Xperia SL สมาร์ตโฟนสุดแรงที่มาพร้อมซีพียูแบบ Dual Core ความเร็ว1.7 กิกะเฮิรตซ์

บริษัท โซนี่ ไทย เปิดตัว Xperia SL สมาร์ตโฟนกับประสิทธิภาพความเร็วระดับ Dual Core 1.7 กิกะเฮิรตซ์ มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 (Ice-Cream Sandwich) และหน้าจอขนาดใหญ่ 4.3 นิ้ว ความละเอียด 1280x720 ระดับ HD ที่รองรับการสัมผัสพร้อมกันสูงถึง 10 จุด จอแสดงผลแบบ Mobile BRAVIA Engine ที่ให้ภาพสีสวยสดคมชัดทุกรายละเอียด เชื่อมต่อแบบไร้สายทุกที่ทุกเวลาซึ่งรองรับเครือข่าย 3G ทุกเครือข่าย (850/900/1900/2100 MHz)

ยังมาพร้อมกับกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบออโต้โฟกัสและแฟลช รวมถึงกล้องหน้าที่มีความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล มีระบบชดเชยแสงช่วยในการถ่ายรูปในที่แสงน้อย หรือถ่ายในที่มืดด้วยเทคโนโลยี Exmor-R ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการถ่ายภาพในเวลากลางคืนและรูรับแสงขนาด f/2.4 รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ HD 720P อีกทั้งยังรองรับการแชร์ภาพวิดีโอ และเสียงเพลงแบบไร้สายผ่านระบบ DLNA เข้ากับอุปกร์ของโซนี่อื่นๆ ได้ เช่น BRAVIA LCD TV, VAIO เต็มอิ่มด้วยหน่วยความจำภายในเครื่องถึง 32GB

วางจำหน่ายแล้วในราคา 15,990 บาท ตัวเครื่องมี 2 สีคือ สีขาวและเทา

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แปลงไฟล์ประเภทต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ Zamzar.com

ปกติในการแปลงไฟล์ เช่น
  • จาก Word เป็น PDF หรือ 
  • PDF เป็น Word 
ต้องใช้โปรแกรมอย่าง Adobe Acrobat Professional หรือ ScanSoft OmniPage ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีขนาดใหญ่และราคาแพง Acrobat ใช้ทรัพยากรของเครื่องที่สูง แล้วก็หวังดีแอบอัพเดทตัวโปรแกรมให้อีก ถ้าเราแปลงไฟล์ไม่บ่อยมาก ก็ไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรมใหญ่ๆ ให้หนักเครื่อง ลองมาใช้ของฟรี ซึ่งเป็นบริการผ่านเว็บอย่าง Zamzar กันดีกว่า

Zamzar เป็นบริการแปลงไฟล์ผ่านเว็บ โดยให้ใช้บริการได้ฟรี โดยรองรับไฟล์ได้สูงสุด 100 MB และแปลงไฟล์ได้ 5 ไฟล์พร้อมกัน และเก็บไฟล์ไว้ให้ดาว์นโหลดนาน 1 วัน (ถ้าต้องการให้รองรับไฟล์ขนาดใหญ่ และใช้ระยะเวลาในการแปลงไฟล์ที่สั้นลง ต้องใช้แบบจ่ายเงิน)

เว็บไซต์ Zamzar.com : http://www.zamzar.com/
Zamzar สามารถแปลงไฟล์ Microsoft Office ต่างๆ ไฟล์รูปภาพ ไฟล์เพลง ไฟล์หนัง รวมถึงไฟล์ Zip ประเภทต่างๆ เช่น
  • doc, docx แปลงเป็น doc, html, odt, pcx, pdf, png, ps, txt
  • pdf แปลงเป็น doc, html, odt, pcx,png, ps, rtf, txt
  • ppt, pptx (PowerPoint) แปลงเป็น ppt, html, odp, pcx, pdf, png, ps, swf
  • mp3 แปลงเป็น aac, ac3, flac, m4a, mp4, ogg, wav, wma
  • avi แปลงเป็น 3gp, aac, flv, iphone, mp3, mp4, mpg, ogg, wav, wmv
ดูรายละเอียดประเภทของไฟล์ที่รองรับทั้งหมดจากเว็บ Zamzar (Conversion Types)

สำหรับวิธีการแปลงไฟล์ โดยไปที่เว็บไซต์ Zamzar : http://www.zamzar.com/

Step 1 ให้คลิกปุ่ม Browse เพื่อเลือกไฟล์ที่ต้องการ เว็บจะแสดงชื่อไฟล์ที่เราเลือกไว้ด้านล่าง (Files to convert๗ โดยสามารถเลือก convert หลายๆ ไฟล์พร้อมกันได้ ถ้าไม่ต้องการไฟล์ไหนให้คลิก Remove File นั้นออก

ขั้นตอนการใช้งานเว็บไซต์ Zamzar.com
Step 2 เลือกลิสต์รายการว่าจะให้แปลงเป็นไฟล์ประเภทอะไร
Step 3 ใส่อีเมล์
Step 4 กดปุ่ม Convert

ถ้ามีไฟล์หลายไฟล์ที่ต้องแปลง ให้อัพโหลดหรือเลือกไฟล์ 2 ไฟล์ขึ้นไป เนื่องจาก เวลาแปลงไฟล์เสร็จ เว็บจะส่งลิงค์มาให้โหลดเป็นไฟล์ .zip ซึ่งจะมีขนาดเล็กกว่าไฟล์ที่ไม่ได้ zip (ถ้า convert ไฟล์เดียว เว็บจะไม่ zip ให้ ถ้าข้อมูลมีเยอะ ไฟล์จะมีขนาดใหญ่มาก)

เมื่อ Zamzar แปลงไฟล์เสร็จ (ระยะเวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานเว็บในขณะนั้น แต่ไม่นานมาก) จะมีอีเมล์แจ้งมา สามารถเข้าไปโหลดไฟล์ได้ตามลิงค์ที่ได้มาในอีเมล์

วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555

2.9 การใช้ effect 3D ในการเปลี่ยนหน้างานนำเสนอ

2. การตกแต่งงานนำเสนอของคุณด้วยวิดีโอ ภาพ และภาพเคลื่อนไหว
    1. การฝัง แก้ไข และเล่นวิดีโอในไฟล์งานนำเสนอ
    2. การตัดแต่งคลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอ
    3. การใช้ที่คั่นในคลิปเสียงและคลิปวิดีโอ
    4. การเชื่อมโยงไปยังวิดีโอจากเว็บไซต์
    5. การนำพื้นผิวและลักษณะพิเศษไปใช้กับรูปภาพ
    6. การเอาพื้นหลังและส่วนอื่นๆ ที่ไม่ต้องการออกจากรูปภาพ
    7. การครอบ/ตัดรูปภาพ
    8. การจัดการภาพกราฟิก SmartArt
    9. การใช้ effect 3D ในการเปลี่ยนหน้างานนำเสนอ
    10. การคัดลอกเฉพาะคุณสมบัติภาพเคลื่อนไหวไปให้อีกวัตถุหนึ่ง
    11. การจับภาพหน้าจอ (Capture) ลงในหน้างานนำเสนอ
2.9 การใช้ effect 3D ในการเปลี่ยนหน้างานนำเสนอ
  • เกี่ยวกับ Transitions
  • การใช้ Transitions
  • การนำเสนอ Transitions
  • การแก้ไข Transitions
  • การใส่เสียง
  • การลบ Transitions

เกี่ยวกับ Transitions
มีรูปแบบ transitions ให้เลือกใช้ทั้งหมด 3 กลุ่ม ไปที่ Transitions tab มีดังนี้
  • Subtle (slight transitions)

  • Exciting (strong transitions)







  • Dynamic Content (strong transitions ควบคุมเฉพาะ content เช่น ข้อความ หรือ รูป)




การใช้ Transitions
1. เลือกสไลดที่ต้องการใส่ effect
2. ไปที่ Transitions tab ภายใต้กลุ่ม Transition to This Slide ค่าเริ่มต้นในการเลือกคือ None (ไม่ใส่ effect)



4. คลิกลูกศรล่างที่ More เพื่อแสดง transitions ทั้งหมด
5. คลิกเลือกรูปแบบ transition เพื่อใช้กับสไลดที่เลือก พร้อมทั้งผล transition อัตโนมัติ


เราสามารถกำหนด transitions ให้ใช้กับทุกหน้าสไลด ภายใต้กลุ่ม  Timing เลือกคำสั่ง Apply To All 

การนำเสนอ Transitions
เรานำเสนอ transition สำหรับสไลดที่เลือกได้ 2 วิธี ดังนี้

1) ไปที่ Transitions tab คลิก Preview



2)  คลิกที่ไอคอน Play Animations ซึ่งไอคอนปรากฎที่ Slides tab ที่ pane ด้านซ้าย


การแก้ไข Transitions
1. เลือกสไลดที่เราได้ใส่ transition ไว้ เพื่อจะได้ปรับแก้ไข
2. ภายใต้กลุ่ม Timing ให้ใส่เวลาวินาทีลงไปในช่อง Duration field  เช่น เรากำหนดเวลาเป็น 2 วินาที ใส่ 02.00




การใส่เสียง
1. เลือกสไลดที่เราได้ใส่ transition ไว้ เพื่อจะได้ปรับแก้ไข
2. ภายใต้กลุ่ม Timing คลิกลูกศรลงที่ Sound 
3. ให้เลือกเสียงที่ต้องการเพื่อลองฟังและเลือกใส่ในสไลด 




การลบ Transitions
1. เลือกสไลดที่เราได้ใส่ transition ไว้ เพื่อจะได้ปรับแก้ไข
2. ภายใต้กลุ่ม Transition to This Slide คลิกเลือก None




3. ทำขั้นตอนเดิมซ้ำ หากต้องการลบ transition บนสไลดที่ต้องการเลือก

ข้อสังเกต ถ้าต้องการลบ transitions ทุกสไลด โดยเลือกสไล และคลิกเลือก  None พร้อมทั้งคลิก Apply to All

เพิ่มเติม หากต้องการจะให้สไลดเปลี่ยน transitions  แต่ละสไลดอัตโนมัติ กระทำดังนี้
1. เลือกสไลดที่ต้องการใส่ effect
2. ไปที่ Transitions tab ภายใต้กลุ่ม Timing 
3. ภายใต้ Advance Slide ยกเลิกการเลือก On Mouse Click
4. ช่อง After ป้อนเวลาที่ต้องการแสดงสไลด ตัวอย่าง ให้แสดงแต่ละสไลดใช้เวลา 1.30 นาที ให้ใส่ค่า  01:30:00
5. กระทำซ้ำขั้นตอนเดิมกับสไลดอื่นๆ ที่ต้องการ 


แหล่งที่มา   เว็บไซต์ GCF LearnFree.org

แอลจี ออพติมัส วิว มุมมองใหม่ไร้ขอบ


แอลจีเปิดตัว "ออพติมัส วิว" โฟนเล็ตที่ผสมผสานความสามารถของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเอาไว้ในเครื่องเดียวกัน

ได้ฤกษ์เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ แอลจี ออพติมัส วิว (LG Optimus Vu) ซึ่งแอลจียกให้เป็น “Phonelet” อย่างแท้จริง เพราะผสานการทำงานระหว่างแท็บเล็ตและสมาร์ตโฟนไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แถมยังพกพาสะดวกบาง 8.5 มม. น้ำหนัก 168 ก. แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอัดแน่นด้วยฟังก์ชั่นและแอพพลิเคชั่นไว้เพียบเต็มเครื่อง

ออพติมัส วิว มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้วแบบ True HD IPS จอภาพอัตราส่วน 4:3 เต็มตาและสมจริง ซึ่งเป็นอัตราส่วนเดียวกับภาพจากกล้องดิจิตอลและแมกกาซีนออนไลน์ จึงให้ภาพเต็มจอไม่มีขอบดำ รับชมภาพถ่าย อ่านหนังสือ หรือตรวจสอบไฟล์เอกสารต่างๆ ได้อย่างเต็มอรรถรส ตอบสนองทั้งคนรักการทำงานและคนรักความบันเทิงในเครื่องเดียว ไม่เพียงเท่านั้นยังแปลงกายเป็นสมุดจดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยโปรแกรม QuickMemo เพียงใช้ปลายนิ้วหรือปากกา Rubberdium ซึ่งได้รับการดีไซน์ให้มีความโดดเด่นและมีคุณภาพในการสัมผัสเหนือกว่าปากกา Capacitive ทั่วไป ช่วยอำนวยความสะดวกสบายไปอีกขั้น

ทำงานไว ไม่ติดขัดด้วยระบบประมวลผลแบบ 4-PLUS-1 Quad-Core ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและรองรับระบบ 3G ทุกเครือข่าย (Quad Band 850/900/1900/2100 MHz) มีให้เลือก 2 สีคือ สีดำและสีขาว

ราคา 18,900 บาท

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เดสก์ท็อปจิ๋วทำงานแจ๋ว


เลอโนโวแนะนำ ThinkCentre Tiny คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะดีไซน์บางเบาประหยัดเนื้อที่บนโต๊ะทำงาน

เพราะพื้นที่ของการทำงานในทุกวันนี้เริ่มมีจำกัดมากขึ้น ยิ่งแกดเจ็ตอย่างคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปบนโต๊ะทำงานเล็กลงเท่าไหร่ก็ยิ่งเอื้อประโยชน์ต่อการทำงานมากขึ้น เพราะเหตุนี้ ThinkCentre Tiny จากเลอโนโว จึงตอบโจทย์การทำงานของคนยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

โดดเด่นด้วยการประมวลผลเหนือชั้นทั้งที่ขนาดกะทัดรัด ThinkCentre Tiny ถือเป็นเดสก์ท็อปแบบ Form Factor เครื่องแรกที่มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก มีทั้งหมด 3 รุ่นให้เลือก ได้แก่ ThinkCentre M92, M92p และ M72e มีขนาดเล็กที่สุดหนักเพียง 1 กก. และบางเท่าลูกกอล์ฟ (34.5 มม.) ทำงานด้วยขุมพลังจาก Intel Core i5 vPro ในเจนที่ 3 พร้อมกับเทคโนโลยีอินเทล วีโปร โซลูชั่นรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร โดยเฉพาะ Trusted Platform Module (TPM) ชิปรักษาความปลอดภัยรุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญให้พ้นจากการโจมตีจากซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์

ทั้งสามรุ่นมีให้เลือกทั้งฮาร์ดดิสก์แบบ SSD (Solid State) หรือฮาร์ดดิสก์ปกติ โดยมาพร้อมกับการ์ดจอกราฟฟิก พอร์ต USB 3.0 และการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi มีเทคโนโลยี Lenovo Enhanced Experience 3 (EE 3) for Windows 7 เสริมประสิทธิภาพการทำงาน บู๊ตเปิดและปิดเครื่องรวดเร็วขึ้นถึง 30% และ RAID 0.1 กับ PC Cloud Manager สำหรับเทคโนโลยีอินเทล วีโปร ที่เอื้อการทำงานให้ฝ่ายไอทีสามารถดูแลระบบได้จากระยะไกลบน Web-Based System โดยไม่ต้องใช้คอนโซลการจัดการใดๆ

ไม่เพียงเท่านั้น ThinkCentre Tiny ยังผ่านการรับรองมาตรฐานความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ใบรับรองมาตรฐาน EPEAT Gold, UL Environment Gold, Energy Star มาตรฐานเรื่องประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ใบรับรองมาตรฐาน Greenguard และใบรับรองมาตรฐาน Cisco Energy Wise ซึ่งช่วยให้องค์กรลดต้นทุนการดำเนินงานที่ไม่จำเป็น รวมถึงการใช้พลังงานและลดการปล่อยความร้อนที่ก่อเกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งสามรุ่นมีวางจำหน่ายแล้ว ผ่านตัวแทนจำหน่ายเลอโนโวทั่วประเทศ

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

2.8 การจัดการภาพกราฟิก SmartArt

2. การตกแต่งงานนำเสนอของคุณด้วยวิดีโอ ภาพ และภาพเคลื่อนไหว
    1. การฝัง แก้ไข และเล่นวิดีโอในไฟล์งานนำเสนอ
    2. การตัดแต่งคลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอ
    3. การใช้ที่คั่นในคลิปเสียงและคลิปวิดีโอ
    4. การเชื่อมโยงไปยังวิดีโอจากเว็บไซต์
    5. การนำพื้นผิวและลักษณะพิเศษไปใช้กับรูปภาพ
    6. การเอาพื้นหลังและส่วนอื่นๆ ที่ไม่ต้องการออกจากรูปภาพ
    7. การครอบ/ตัดรูปภาพ
    8. การจัดการภาพกราฟิก SmartArt
    9. การใช้ effect 3D ในการเปลี่ยนหน้างานนำเสนอ
    10. การคัดลอกเฉพาะคุณสมบัติภาพเคลื่อนไหวไปให้อีกวัตถุหนึ่ง
    11. การจับภาพหน้าจอ (Capture) ลงในหน้างานนำเสนอ
2.8 การจัดการภาพกราฟิก SmartArt
  • บทนำ
  • สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกเค้าโครง
  • เกี่ยวกับบานหน้าต่างข้อความ
  • ลักษณะ สี และลักษณะพิเศษสำหรับกราฟิก SmartArt
  • ภาพเคลื่อนไหวสำหรับกราฟิก SmartArt
  • วิธีการสร้างกราฟิก SmartArt
บทนำ
SmartArt คือการสื่อสารข้อมูลด้วยภาพ เช่น แผนผัง ลำดับขั้น กระบวนการ รายการ ฯลฯ

การสร้างสไลดในโปรแกรม PowerPoint จะอยู่ในรูปแบบสไลดที่มีรายการสัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อย ซึ่งเราสามารถแปลงคุณลักษณะดังกล่าวเป็นกราฟิก SmartArt ได้ และในทางกลับกันก็สามารถแปลงรูปภาพ SmartArt ให้กลับมาสู่รูปแบบสไลดได้อย่างรวดเร็ว

สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกเค้าโครง
เราสามารถนำสไลดมาแปลงให้อยู่ในรูปภาพ SmartArt ซึ่งมีแนวคิดในการปรับเปลี่ยน ให้เลือกทั้งหมด 8 แบบ ได้แก่
  1. SmartArt แบบรายการ  แสดงข้อมูลที่ไม่เป็นลำดับ
  2. SmartArt แบบกระบวนการ แสดงขั้นตอนในกระบวนการหรือเส้นเวลา
  3. SmartArt แบบวงกลม แสดงกระบวนการที่ต่อเนื่อง
  4. SmartArt แบบลำดับชั้น สร้างแผนผังองค์กร / แสดงโครงสร้างการตัดสินใจ
  5. SmartArt แบบความสัมพันธ์ แสดงภาพการเชื่อมต่อ
  6. SmartArt แบบเมทริกซ์ แสดงให้เห็นว่าส่วนต่างๆ สัมพันธ์กับทั้งหมดอย่างไร
  7. SmartArt แบบรูปภาพ ใช้รูปภาพเพื่อสื่อหรือเน้นเนื้อหา
  8. SmartArt แบบพีระมิด แสดงความสัมพันธ์ตามสัดส่วนกับด้วยองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดที่ด้านบนหรือด้านล่าง 
                                                                                                    ข้อพิจารณารูปแบบการเลือกใช้ SmartArt
                                                                                                    • นำเสนอแนวคิดสองอย่างที่ตรงข้ามกัน เลือกใช้ SmartArt แบบความสัมพันธ์ 
                                                                                                    • นำเสนอแนวคิดมากกว่าสองแนวคิด เลือกใช้ SmartArt แบบพีระมิด
                                                                                                    • เค้าโครงที่มีลูกศรชี้ไปทางขวา เลือกใช้ SmartArt แบบกระบวนการ
                                                                                                    • มีลูกศรวนเป็นวงกลม เลือกใช้ SmartArt แบบวงกลม
                                                                                                    เกี่ยวกับบานหน้าต่างข้อความ
                                                                                                    บานหน้าต่างข้อควา ใช้เพื่อใส่และแก้ไขข้อความที่ปรากฏใน SmartArt ซึ่งปรากฏทางด้านซ้ายของ SmartArt


                                                                                                    ลักษณะ สี และลักษณะพิเศษสำหรับกราฟิก SmartArt
                                                                                                    ใน SmartArt Tools Tab > Design มีสองแกลเลอรีสำหรับการเปลี่ยนลักษณะ SmartArt คือ
                                                                                                    1. SmartArt Styles group (ลักษณะ SmartArt) ประกอบด้วย การเติมสีรูปร่าง ขอบ เงา ลักษณะเส้น การไล่ระดับสี และเปอร์สเปคทีฟสามมิติ 
                                                                                                    2. Change Colors (เปลี่ยนสี)

                                                                                                    ภาพเคลื่อนไหวสำหรับกราฟิก SmartArt
                                                                                                    การทำ SmartArt ให้เคลื่อนไหวเพื่อเน้นหรือแสดงเป็นขั้นๆ ซึ่งกำหนดให้ SmartArt เคลื่อนไหวทั้งหมดหรือเฉพาะรูปร่างแต่ละรูปก็ได้  ตัวอย่างเช่น ทำให้วงกลมแต่ละวงของไดอะแกรมเวนน์เคลื่อนไหวครั้งละวง หรือทำให้แผนผังองค์กรค่อยๆ ปรากฏขึ้นไปตามระดับ

                                                                                                    วิธีการสร้างกราฟิก SmartArt
                                                                                                    • การสร้างกราฟิก SmartArt 
                                                                                                    • การแปลงข้อความภาพนิ่งเป็นกราฟิก SmartArt 
                                                                                                    • การแปลงรูปภาพบนภาพนิ่งเป็นกราฟิก SmartArt 
                                                                                                    การสร้างกราฟิก SmartArt 
                                                                                                    • การสร้างกราฟิก SmartArt และการเพิ่มข้อความลงในกราฟิก
                                                                                                    • การเพิ่มหรือลบรูปร่างในกราฟิก SmartArt
                                                                                                    • การเปลี่ยนสีกราฟิก SmartArt ทั้งหมด
                                                                                                    • การนำลักษณะ SmartArt ไปใช้กับกราฟิก SmartArt
                                                                                                    การสร้างกราฟิก SmartArt และการเพิ่มข้อความลงในกราฟิก
                                                                                                    1. ไปที่ Insert tab > SmartArt
                                                                                                    2.  ปรากฎไดอะล็อก



                                                                                                    3. เลือกกลุ่มด้านซ้ายมือ จะแสดงรูปแบบ SmartArt 
                                                                                                    4. เลือกรูปแบบที่ต้องการ จะปรากฎ Preview ด้านขวามือสุดประกอบให้เห็นภาพ เมื่อเลือกได้แล้วให้คลิกปุ่ม OK


                                                                                                    5. จะปรากฎบานหน้าต่างสำหรับใส่ข้อความพร้อมทั้งรูปแบบ SmartArt  คลิก [ข้อความ] ในบานหน้าต่างข้อความ แล้วพิมพ์ข้อความ ถ้ามองไม่เห็นบานหน้าต่างข้อความ ให้คลิกตัวควบคุม 


                                                                                                    6. ป้อนข้อความดังภาพ



                                                                                                    การเพิ่มหรือลบรูปร่างในกราฟิก SmartArt
                                                                                                    1. คลิก SmartArt จะปรากฎ Design > Format tabs > Design tab
                                                                                                    2. เลือกรูปร่างที่ต้องการเพิ่ม 
                                                                                                    3. คลิกลูกศรลงที่คำสั่ง Add Shape ภายใต้กลุ่ม Graphics
                                                                                                    4. เลือก Add Shape Before / Add Shape After สำหรับรูปร่างในระดับเดียวกัน แต่หากประสงค์จะเพิ่มรูปร่างบนหรือล่าง ให้เลือกคำสั่ง Add Shape Above / Add Shape Below


                                                                                                    หมายเหตุ 
                                                                                                    • เมื่อต้องการเพิ่มรูปร่างจากบานหน้าต่างข้อความ ให้คลิกรูปร่างที่มีอยู่ ย้ายเคอร์เซอร์ไปไว้ก่อนหรือหลังข้อความที่ต้องการเพิ่มรูปร่าง แล้วกด ENTER
                                                                                                    • เมื่อต้องการลบรูปร่างออกจากกราฟิก SmartArt ให้คลิกรูปร่างที่ต้องการลบ แล้วกด DELETE 
                                                                                                    • เมื่อต้องการลบกราฟิก SmartArt ทั้งชุด ให้คลิกเส้นขอบของกราฟิก SmartArt แล้วกด DELETE

                                                                                                    การเปลี่ยนสีกราฟิก SmartArt ทั้งหมด
                                                                                                    1. คลิก SmartArt จะปรากฎ Design > Format tabs > Design tab
                                                                                                    2. คลิกคำสัี่ง Change Colors และคลิกลูกศรล่างเพื่อเลือก color schemes 



                                                                                                    การนำลักษณะ SmartArt ไปใช้กับกราฟิก SmartArt
                                                                                                    1. คลิก SmartArt จะปรากฎ Design > Format tabs > Design tab
                                                                                                    2. ในกลุ่ม SmartArt Styles คลิกลูกศรลงเพื่อแสดงรูปแบบทั้งหมด

                                                                                                    3. นำเมาส์ไปวางแต่ละรูปแบบเพื่อแสดง preview 



                                                                                                    การแปลงข้อความภาพนิ่งเป็นกราฟิก SmartArt 

                                                                                                    1. เลือกข้อมูลในสไลดที่เป็นรายการ (list) หรือย่อหน้า (paragraph) ที่ต้องการแปลงให้อยู่ในรูปแบบ SmartArt และคลิกขวาเลือก Convert to SmartArt > จะปรากฎเมนูย่อย


                                                                                                    3. เลือกรูปแบบ SmartArt ที่ต้องการ หรือที่ด้านล่างสุดของเมนูย่อย ให้คลิกเลือก More SmartArt Graphics



                                                                                                    ในทางกลับกัน เราสามารถแปลงรูป SmartArt ให้กลับเป็นข้อมูลในสไลดเดิมได้ ด้วยวิธีการเลือก  SmartArt และไปที่ SmartArt Tools > Design tab > คลิก Convert และเลือกคำสั่ง Convert to Text



                                                                                                    การแปลงรูปภาพบนภาพนิ่งเป็นกราฟิก SmartArt 
                                                                                                    1. เลือกรูปภาพ (ถ้าเลือกหลายรูปให้กด CTRL ก่อนคลิกเลือกรูป)
                                                                                                    2. ไปที่ Picture Tools และคลิกลูกศรล่างที่ Picture Layout เลือกรูปแบบ SmartArt ที่ต้องการ



                                                                                                    แหล่งที่มา   เว็บไซต์ Microsoft Office,  เว็บไซต์ PowerPoint Design,  เว็บไซต์ GCF LearnFree.org,  เว็บไซต์ 24 Point

                                                                                                    วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

                                                                                                    20 รหัสบัตรเอทีเอ็มยอดแย่


                                                                                                    สำหรับ 20 อันดับ รหัสบัตรเอทีเอ็ม 4 ตัว ที่เดาง่ายที่สุดและจำนวนเปอร์เซ็นต์ผู้ใช้

                                                                                                    อันดับ 1   รหัส 1234 มีคนใช้ 10.713 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                    อันดับ 2   รหัส 1111 มีคนใช้ 6.016 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                    อันดับ 3   รหัส 0000 มีคนใช้ 1.881 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                    อันดับ 4   รหัส 1212 มีคนใช้ 1.197 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                    อันดับ 5   รหัส 7777 มีคนใช้ 0.745 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 6   รหัส 1004 มีคนใช้ 0.616 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 7   รหัส 2000 มีคนใช้ 0.613 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 8   รหัส 4444 มีคนใช้ 0.526 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 9   รหัส 2222 มีคนใช้ 0.516 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 10  รหัส 6969 มีคนใช้ 0.512 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 11  รหัส 9999 มีคนใช้ 0.451 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 12  รหัส 3333 มีคนใช้ 0.419 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 13  รหัส 5555 มีคนใช้ 0.395 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 14  รหัส 6666 มีคนใช้ 0.391 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 15  รหัส 1122 มีคนใช้ 0.366 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 16  รหัส 1313 มีคนใช้ 0.304 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 17  รหัส 8888 มีคนใช้ 0.303 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 18  รหัส 4321 มีคนใช้ 0.293 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 19  รหัส 2001 มีคนใช้ 0.290 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                             อันดับ 20  รหัส 1010 มีคนใช้ 0.285 เปอร์เซ็นต์

                                                                                                    จากผลสำรวจ 3.4 ล้านรหัสบัตรเอทีเอ็มทั่วโลก มีคนกว่า 27 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้รหัสบัตรเอทีเอ็มที่แสนเดาง่ายเหล่านี้ อย่างรหัสเอทีเอ็มที่แสนจะเดาง่ายที่สุดอันดับ 1 เลยอย่าง 1234 ยังมีคนเลือกที่จะใช้ตั้ง 11 เปอร์เซ็นต์ และรองลงมาอย่าง 1111 ก็มีผู้ใช้ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่คาดว่าไม่น่าจะมีใครใช้รหัสกดเงินที่แสนจะเดาได้ง่ายดายขนาดนี้

                                                                                                    หลายรหัสก็คาดเดาได้ว่าทำไมคนถึงใช้ อย่างเช่น 7777 เพราะเป็นเลขแห่งความโชคดี และ 6969 ก็เป็นเลขที่จำง่าย แต่หลายคนสงสัยรหัสเอทีเอ็มอย่าง 1004 ที่ติดชาร์ตมาเป็นอันดับ 6 ว่าทำไมคนถึงใช้เลขนี้ ผลสำรวจออกมาแล้วค่ะว่า เป็นเลขที่ชาวเกาหลีนิยมใช้มากที่สุด เพราะว่าตู้เอทีเอ็มในเกาหลี เวลากดเลข 4 ตัวนี้ไป จะมีเสียงดังคล้ายคำว่า angel

                                                                                                    สำหรับรหัสบัตรเอทีเอ็มที่มีคนใช้น้อยที่สุดจากผลสำรวจ 3.4 ล้านเลขบัตรนี้ พบว่า 8068 เป็นรหัสที่คนใช้น้อยที่สุด เพียง 25 คน

                                                                                                    แหล่งที่มา    เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

                                                                                                    วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

                                                                                                    2.7 การครอบ/ตัดรูปภาพ

                                                                                                    2. การตกแต่งงานนำเสนอของคุณด้วยวิดีโอ ภาพ และภาพเคลื่อนไหว
                                                                                                      1. การฝัง แก้ไข และเล่นวิดีโอในไฟล์งานนำเสนอ
                                                                                                      2. การตัดแต่งคลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอ
                                                                                                      3. การใช้ที่คั่นในคลิปเสียงและคลิปวิดีโอ
                                                                                                      4. การเชื่อมโยงไปยังวิดีโอจากเว็บไซต์
                                                                                                      5. การนำพื้นผิวและลักษณะพิเศษไปใช้กับรูปภาพ
                                                                                                      6. การเอาพื้นหลังและส่วนอื่นๆ ที่ไม่ต้องการออกจากรูปภาพ
                                                                                                      7. การครอบ/ตัดรูปภาพ
                                                                                                      8. การจัดการภาพกราฟิก SmartArt
                                                                                                      9. การใช้ effect 3D ในการเปลี่ยนหน้างานนำเสนอ
                                                                                                      10. การคัดลอกเฉพาะคุณสมบัติภาพเคลื่อนไหวไปให้อีกวัตถุหนึ่ง
                                                                                                      11. การจับภาพหน้าจอ (Capture) ลงในหน้างานนำเสนอ
                                                                                                    2.7 การครอบ/ตัดรูปภาพ
                                                                                                    • บทนำ
                                                                                                    • ครอบตัดรูปภาพ
                                                                                                    • ครอบตัดตามรูปร่างที่กำหนด
                                                                                                    • ครอบตัดตามอัตราส่วนกว้างยาวทั่วไป
                                                                                                    • ครอบตัดให้พอดีหรือเติมรูปร่าง
                                                                                                    • ลบพื้นที่ครอบตัดรูปภาพ
                                                                                                    บทนำ
                                                                                                    เราสามารถใช้เครื่องมือการตัดภาพ (Crop) เพื่อตัดแต่งและเอารูปภาพส่วนที่ไม่ต้องการออก ให้ได้รูปส่วนที่เราต้องการนำไปใช้ต่อไป


                                                                                                    ครอบตัดรูปภาพ

                                                                                                    1. เลือกรูปภาพที่ต้องการครอบตัด
                                                                                                    2. ไปที่ Picture Tool  Rippon > Format และภายใต้กลุ่ม Size เลือกคำสั่ง Crop


                                                                                                    3. ปรากฎ handle 8 จุดล้อมรอบรูป ให้เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ 
                                                                                                    • เมื่อต้องการครอบตัดด้านเดียว ให้ลากจุดจับครอบตัดที่อยู่กึ่งกลางของด้านนั้นเข้ามาข้างใน
                                                                                                    • เมื่อต้องการครอบตัดสองด้านเท่าๆ กันในเวลาเดียวกัน ให้กด CTRL ค้างไว้ ขณะที่ลากจุดจับครอบตัดที่อยู่กึ่งกลางของด้านใดด้านหนึ่งเข้ามาข้างใน
                                                                                                    • เมื่อต้องการครอบตัดทั้งสี่ด้านเท่าๆ กันในเวลาเดียวกัน ให้กด CTRL ค้างไว้ ขณะที่ลากจุดจับครอบตัดตรงมุมเข้ามาข้างใน
                                                                                                    ครอบตัดตามรูปร่างที่กำหนด
                                                                                                    การครอบตัดให้เป็นไปตามรูปร่าง รูปภาพจะถูกตัดแต่งโดยอัตโนมัติตามลักษณะทางเรขาคณิตของรูปร่างนั้น โดยยังคงรักษาสัดส่วนของรูปภาพไว้

                                                                                                    1. เลือกรูปภาพอย่างน้อยหนึ่งรูปที่ต้องการครอบตัดตามรูปร่างที่กำหนด 
                                                                                                    ถ้าคุณต้องการครอบตัดรูปภาพหลายรูป คุณต้องครอบตัดตามรูปร่างเดียวกัน เมื่อต้องการครอบตัดเป็นรูปร่างที่แตกต่างกัน ให้ครอบตัดรูปภาพแยกกัน

                                                                                                    2. ไปที่ Picture Tool  Rippon > Format และภายใต้กลุ่ม Size เลือกลูกศรคำสั่ง Crop > Crop to Shape เลือกรูปร่างที่ต้องการ



                                                                                                    3. ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้



                                                                                                    ครอบตัดตามอัตราส่วนกว้างยาวทั่วไป
                                                                                                    ถ้าเราต้องการครอบตัดรูปภาพตามรูปถ่ายหรืออัตราส่วนกว้างยาว เพื่อให้รูปภาพนั้นมีขนาดพอดีกับกรอบรูปได้อย่างง่ายดาย

                                                                                                    1. เลือกรูปภาพอย่างน้อยหนึ่งรูปที่ต้องการครอบตัดตามรูปร่างที่กำหนด
                                                                                                    ถ้าคุณต้องการครอบตัดรูปภาพหลายรูป คุณต้องครอบตัดตามรูปร่างเดียวกัน เมื่อต้องการครอบตัดเป็นรูปร่างที่แตกต่างกัน ให้ครอบตัดรูปภาพแยกกัน

                                                                                                    2. ไปที่ Picture Tool  Rippon > Format และภายใต้กลุ่ม Size เลือกลูกศรคำสั่ง Crop > Aspect Ratio เลือกขนาดที่ต้องการ



                                                                                                    ครอบตัดให้พอดีหรือเติมรูปร่าง
                                                                                                    เมื่อเราได้ตัดรูปออกไป หากต้องการแก้ไข ปรับปรุงรูป เราจะใช้คำสั่ง Fill เพื่อปรับแก้ไขต่อไป

                                                                                                    1. เลือกรูปภาพที่ครอบเรียบร้อยแล้ว
                                                                                                    2. ไปที่ Picture Tool  Rippon > Format และภายใต้กลุ่ม Size เลือกลูกศรคำสั่ง Crop > Fill


                                                                                                    จะปรากฎส่วนที่เราต้องการปรับปรุงแก้ไข ให้จัดการยืดหดได้ตามต้องการ


                                                                                                    ลบพื้นที่ครอบตัดรูปภาพ
                                                                                                    การลดขนาดไฟล์รูปภาพที่เราได้ครอบรูป

                                                                                                    1. เลือกรูปภาพที่ครอบเรียบร้อยแล้ว
                                                                                                    2. ไปที่ Picture Tool  Rippon > Format และภายใต้กลุ่ม Adjust เลือกคำสั่ง Compress Picture
                                                                                                    3. ปรากฎไดอะล็อก


                                                                                                    Compression Options ข้อกำหนดการบีบอัดไฟล์
                                                                                                    • ยกเลิกการเลือกถ้าต้องการบีบอัดทุกรูป หากต้องการบีบอัดเฉพาะรูปที่เลือกให้เลือก Apply only to this picture
                                                                                                    • ถ้ารูปที่เราเลือกเป็นรูปที่ผ่านการครอบ และต้องการลบส่วนที่ถูกซ่อนของรูปที่ถูกครอบ ให้เลือก Delete cropped areas of pictures 
                                                                                                    Target Output ผลลัพธ์จากการบีบอัดไฟล์
                                                                                                    • Print (220 ppi): excellent quality on most printers and screens - ปกติเลือกไม่ได้ เพราะไม่ได้ลดขนาดไฟล์รูป ทำให้รูปมีขนาดใหญ่อยู่
                                                                                                    • Screen (150 ppi): good for webpages and projectors เหมาะกับรูปแสดงในเว็บ
                                                                                                    • E-mail (96 ppi): minimum document size for sharing สำหรับไฟล์ที่เรานำมาแบ่งปัน
                                                                                                    • Use document resolution: ค่าเริ่มต้นในโปรแกรม PowerPoint กำหนดความละเอียดของรูปที่  220 dpi 
                                                                                                    3. คลิก OK

                                                                                                    วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2555

                                                                                                    BDP5500 บลู-เรย์สุดเจ๋งจากฟิลิปส์


                                                                                                    ฟิลิปส์แนะนำเครื่องเล่นบลูเรย์ BDP5500 ที่รองรับการเล่าภาพยนตร์3มิติและเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต

                                                                                                    บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) เปิดตัวเครื่องเล่นแผ่นดิสก์แบบบลู-เรย์ รุ่น Philips BDP5500 มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่หลากหลาย รองรับการเล่นภาพยนตร์สามมิติ เชื่อมต่อ Internet และด้วยฟังก์ชั่น My Remote ช่วยให้สามารถเปลี่ยนสมาร์ตโฟนเป็นรีโมตคอนโทรลเพื่อควบคุมการทำงานได้

                                                                                                    การเล่นแผ่น 3D Blu-ray เพื่อการชมภาพยนตร์ 3 มิติได้เต็มรูปแบบในความละเอียด 1920x1080 Full HD 3D นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี DivX Plus HD เพื่อให้ได้เพลิดเพลินกับวิดีโอ HD และภาพยนตร์จากอินเทอร์เน็ตได้โดยตรง รองรับการเล่นเนื้อหา DivX Plus (วิดีโอ H264 HD พร้อมเสียง AAC คุณภาพสูงในไฟล์ MKV) และยังรองรับเวอร์ชั่นก่อนหน้าของวิดีโอ DivX ได้สูงถึง 1080p เทคโนโลยี DivX Plus HD สำหรับวิดีโอดิจิตอล HD อย่างแท้จริง
                                                                                                    ระบบเสียง Master Audio และ Dolby TrueHD ให้เสียงชั้นเลิศ 7.1 แชนแนลจากแผ่นดิสก์ Blu-ray เสียงที่ได้แทบไม่แตกต่างจากการอัดเสียงในสตูดิโอโดยมืออาชีพ แถมยังใช้มาตรฐานใหม่ของ Wi-Fi คือ Wi-Fi-n ทำให้ใช้งานเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตไร้สายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ราคา 5,990 บาท