วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

32 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับ Notebook

1. ลงวินโดวส์โน้ตบุ๊กใหม่ แต่บูตไม่เข้า

อาการดังกล่าวอาจจะเป็นได้จากฮาร์ดดิสก์หรือแรมมีปัญหา เนื่องจากไม่สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้ตามปกติ ซึ่งก็จะส่งผลตั้งแต่การใช้งานในเบื้องต้น ซึ่งในกรณีนี้หากเป็นโน้ตบุ๊กใหม่ที่เพิ่งซื้อ ก็อาจจะแนะนำให้ติดต่อกับศูนย์จำหน่ายโดยตรง แต่ถ้าเป็นโน้ตบุ๊กที่ใช้งานมานานแล้ว ก็อาจจะต้องลองให้ที่ร้านลองถอดฮาร์ดดิสก์หรือถอดแรมออกมาทำความสะอาดเสียใหม่ จากนั้นค่อยติดตั้งวินโดวส์อีกครั้งหนึ่ง

2. โน้ตบุ๊กรีสตาร์ทตลอดหรือบางทีก็หน้าจอค้าง

เป็นปัญหาที่เจอกันค่อนข้างบ่อย โดยส่วนใหญ่ที่เจอ มักจะพบเมื่อติดตั้งไดรเวอร์เป็นที่เรียบร้อย แต่ที่เจอมากที่สุดก็คือ เมื่อลงวินโดวส์ใหม่อีกครั้ง อาการดังกล่าวก็จะหายไป แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลา อาจจะต้องมานั่งเช็กดูการลงไดรเวอร์ให้ได้ตามสเต็ป ว่ากันตั้งแต่ไดรเวอร์ชิปเซต การ์ดจอ เสียง เน็ตเวิร์ก ไปจนถึงบรรดาคอมโพเนนต์ต่างๆ เสร็จปิดงานด้วยการลงยูทิลิตี้ ซึ่งส่วนใหญ่หากลงตามขั้นตอนและไดรเวอร์ที่ถูกต้อง ตรงกับโน้ตบุ๊กแล้ว ปัญหาก็จะไม่เกิด

3. ซื้อโน้ตบุ๊กมาใหม่มีวินโดวส์ อัพเกรดเวอร์ชันได้ไหม

โน้ตบุ๊กที่จำหน่ายในท้องตลาดหลายรุ่นมาพร้อม Windows Genuine หรือจำหน่ายพร้อมวินโดวส์ โดยมีชุด Recovery มาให้ ด้วยการแบ่งไดรฟ์เอาไว้เฉพาะสำหรับเก็บไฟล์ดังกล่าว แต่ต้องการใช้วินโดวส์ใหม่ ที่เป็นรุ่นใหญ่กว่า อย่างเช่น เดิมเป็น Starter อยู่ แล้วจะอัพเกรดเปลี่ยนเป็น Home Premium ก็สามารถทำได้เลย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ หากเป็นแบบ OEM ด้วยกันทั้งคู่ ก็สามารถฟอร์แมตและติดตั้งวินโดวส์ลงไปใหม่ได้

อีกกรณีหนึ่งคือ หากซื้อวินโดวส์มาติดตั้งใหม่เป็นแบบ FPP หรือแบบกล่อง ก็อาจจะใช้วิธีทำแผ่น Recovery เอาไว้ก่อน เพื่อสำรองระบบ เสร็จแล้วก็ให้ติดตั้งวินโดวส์ตัวใหม่เข้าไป ซึ่งหากไม่ต้องการใช้โน้ตบุ๊กตัวดังกล่าวและจะเปลี่ยนตัวใหม่ ก็สามารถ Recovery ให้กลับไปเป็น OEM ตัวเดิมได้และนำวินโดวส์แบบ FPP ใหม่ไปติดตั้งกับโน้ตบุ๊กใหม่ที่ซื้อมาแทน

4. ต่อไฟที่เครื่องตอนลงวินโดวส์ได้หรือไม่ ไม่อยากเสียบแบตฯ

หลายคนอยากจะให้การชาร์จไฟโน้ตบุ๊กครั้งแรก แบบต่อไว้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง แต่ก็อยากจะลงวินโดวส์ให้เสร็จ เลยยังไม่อยากจะต่อแบตฯ ไว้ ก็สามารถทำได้ ก็ไม่ต้องติดตั้งแบตฯ เข้าไปที่ตัวเครื่อง เพียงแค่ต่อสายไฟจากตัวแปลง เข้ากับตัวเครื่องโดยตรง แล้วก็ติดตั้งวินโดวส์ไปตามปกติ แต่ต้องแน่ใจว่าปลั๊กที่ใช้แน่นพอและไฟต้องไม่ดับ ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องมาเริ่มต้นติดตั้งกันใหม่ ซึ่งถ้าคิดว่ามีความเสี่ยง ก็แนะนำให้ต่อแบตฯ เข้าไปด้วย ดีกว่าต้องมานั่งเสียทำใหม่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ต่อแบตฯ อย่างเดียวแล้วติดตั้ง ควรต่อสายชาร์จในขณะที่ติดตั้งไปด้วยเพื่อความปลอดภัย

5. โน้ตบุ๊กเสียงไม่ออกลำโพง

ปัญหาของเสียงที่ไม่ดังหรือเสียงไม่ออกลำโพง หลังจากการติดตั้ง อาจเกิดได้จากการที่ยังไม่ได้ลงไดรเวอร์หรือลงยังไม่ครบ โดยดูง่ายๆ ที่บริเวณ System Tray จะไม่มีไอคอนรูปลำโพงแสดงขึ้นมา แต่บางกรณีที่มีไอคอนแสดงแล้ว แต่จะแจ้งว่าไม่ได้ติดตั้งฮาร์ดแวร์เข้าไป ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ให้ติดตั้งไดรเวอร์เข้าไปใหม่ โดยอาจใช้วิธีดาวน์โหลดไดรเวอร์ตัวใหม่จากเว็บไซต์ของโน้ตบุ๊กมาติดตั้ง แล้วต้องไม่ลืมติดตั้งไฟล์รายละเอียดของไดรเวอร์เสียงให้ครบ เช่น บางรุ่นก็อาจจะต้องใช้ไดรเวอร์ High Definition Audio ร่วมด้วย แต่หากยังหาไม่เจออีก ก็อาจใช้ Automatic Search ของวินโดวส์ เพื่อให้ค้นหาบนอินเทอร์เน็ตแบบอัตโนมัติ

6. อยากให้แบตฯ อยู่ได้นานๆ

การต่อสายชาร์จไว้ตลอดเวลา ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการเก็บประจุ เนื่องจากจะมีระบบตัดการทำงาน เมื่อแบตฯ เต็มอยู่แล้ว แต่สิ่งที่จะช่วยยืดอายุของแบตฯ ได้ก็คือ ชาร์จขณะทำงานไว้ก็ได้ แต่เมื่อถึงช่วงหนึ่งที่เต็มแล้ว ก็อาจจะถอดสายชาร์จออกบ้าง แล้วใช้งานจนแบตฯ ใกล้หมด จากนั้นจึงต่อสายชาร์จใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ประจุภายในแบตฯ ได้ทำงานอย่างทั่วถึง

สุดท้าย สิ่งที่หลายคนสงสัยก็คือ ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ต้องต่อแบตฯ เข้ากับเครื่องเลยดีไหม ต่อแต่สายไฟเข้าเครื่องและใช้งานโดยตรง แบตฯ จะได้อยู่นานๆ ข้อนี้ก็สามารถทำได้ เพียงแต่อาจจะไม่สะดวกนัก รวมถึงแบตเตอรี่ปกติ ต้องมีการชาร์จและคายประจุบ้าง จึงจะสามารถใช้งานได้นาน ซึ่งหากทิ้งไว้ ใช้บ้าง ไม่ใช้บ้าง แต่ภายในแบตฯ ก็มีประจุอยู่บ้างแล้ว น่าจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะถึงเวลาหนึ่ง ก็ต้องเสื่อมสภาพไปอยู่ดี

อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานโน้ตบุ๊กให้ยาวนานขึ้น ต่อการชาร์ตไฟหนึ่งครั้งก็คือ การตั้งค่าระบบจัดการพลังงาน (Power Management) ซึ่งจะทำหน้าที่ควบคุมการใช้พลังงานในรูปแบบของซอฟต์แวร์ นอกเหนือจากฟีเจอร์ของซีพียูที่ทำหน้าที่จัดการในตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Enhance Intel SpeedStep, C1E หรือ C State ก็ตาม

โดยการตั้งค่าก็สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ง่ายๆ คือ หากเป็นโน้ตบุ๊กบางค่าย ก็จะมีซอฟต์แวร์ยูทิลิตี้ให้มาด้วย อย่างเช่น Power4Gear ของทาง ASUS หรือ ACER ePower Management แต่หากไม่ได้เป็นรุ่นที่มีมาให้ก็เพียงเข้าไปที่ Control Panel > Hardware and Sound > Power Options ซึ่งจะเข้าไปที่หน้าต่าง Select a Power Plan คลิกเลือกที่ Change Advance Power Setting โดยสามารถเข้าไปตั้งระบบพลังงานของอุปกรณ์แต่ละชิ้นได้เลย ไม่ว่าจะเป็น การแสดงผล หน้าจอ ฮาร์ดดิสก์ เครือข่าย ไปจนถึงการ Sleep ของระบบ แต่ถ้าไม่อยากเข้าไปแก้ไขรายละเอียดให้ยุ่งยาก ก็อาจเลือกเป็นหมวดหลักๆ ได้ทั้งแบบ Balance, High Performance และ Power Saver

7. ปัญหาที่จอโน้ตบุ๊ก เปิดเครื่องแล้วจอเป็นคลื่่น

ถ้าเป็นเครื่องที่ใช้มาไม่นาน ก็ไม่น่าจะเกิดจากการเสื่อมของจอ แต่เท่าที่ดูก็น่าจะมีอายุอย่างน้อย 2 ปี สิ่งที่อยากให้ดูในตอนแรกคือ เป็นตลอดการใช้งานหรือเปล่า อย่างเช่นในช่วง Standby หน้าจอปกติหรือการดูหนัง เล่นเกม ก็ยังเป็นเหมือนกันไหม ถ้าเป็นก็แสดงว่าไม่ได้เกิดจากการปรับรีเฟรชหน้าจอหรือซอฟต์แวร์ แต่อาจจะเกิดจากฮาร์ดแวร์ สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ สายแพที่ต่อขั้วสัญญาณจอบนบอร์ดอาจจะหลวมหรือเสียหาย จากบานเปิดฝาพับของเครื่อง ซึ่งอาจจะต้องขอคำปรึกษากับทางร้านหรือต้องเปิดเครื่องลองดูว่า จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือแค่ขยับใหม่ก็หาย

8. โน้ตบุ๊กลง XP แล้วมีปัญหา

ปัญหาของ Windows XP ที่หนักที่สุดก็คือมันไม่สามารถติดตั้งลงในเครื่องที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ SATA ใน AHCI โหมดได้ เนื่องจากมันไม่มีไดรเวอร์ในการติดตั้งนั่นเอง เดิมทีในเครื่อง Desktop จะมีไดรฟ์สำหรับใส่แผ่น Floppy Disk A: อยู่ ซึ่งสามารถใส่ไดรเวอร์ให้ XP มองเห็นฮาร์ดดิสก์ได้
แต่ในโน้ตบุ๊กนั้นไม่สามารถทำได้ ทางแก้ไขก็คือปิดโหมด AHCI ไป ซึ่งก็จะทำให้ฮาร์ดดิสก์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ในด้านความเร็วอาจจะไม่ส่งผลกระทบมาก แต่เทคโนโลยีอย่าง Hot Swap หรือ NCQ จะไม่สามารถเรียกใช้งานได้นั่นเอง วิธีการแก้ไขคือเปลี่ยนไปใช้ Windows รุ่นใหม่ๆ อย่าง 7 หรือไม่อย่างนั้น ก็ต้องเอาแผ่น XP มาปรับแต่งเพิ่มไดรเวอร์ AHCI ลงไปในแผ่น โดยใช้โปรแกรมอย่างพวก nLite ก็ได้

9. ติดตั้งวินโดวส์บนโน้ตบุ๊กผ่าน External DVD Drive ไม่ได้

เป็นปัญหาที่มักจะเจอบ่อยๆ โดยเฉพาะกับโน้ตบุ๊กที่เป็น Ultra Slim หรือ Netbook ที่ไม่มีไดรฟ์ติดตั้งมาบนเครื่อง จึงจำเป็นต้องใช้ DVD Drive สำหรับติดตั้งแทน ปัญหาก็คือ บางครั้งไม่ได้ต่อพ่วงสายสัญญาณให้เรียบร้อย จึงใช้งานไม่ได้หรือบางครั้งไม่ยอมอ่านแผ่น ทางแก้ไขง่ายๆ ก็คือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าต่อสาย USB เข้ากับตัวเน็ตบุ๊กแน่นดีหรือไม่ ที่สำคัญหากเป็นสาย USB แบบ 2 หัว แนะนำว่าต่อทั้ง 2 หัวคู่ เข้ากับเน็ตบุ๊กทั้งคู่ เพื่อให้จ่ายไฟกับตัวไดรฟ์อย่างเต็มที่ เมื่อเสร็จแล้วก็ให้เข้าไปดูในไบออส ว่ามีการตรวจสอบไดรฟ์เจอถูกต้องหรือไม่ ส่วนใหญ่ถ้าเจอ ก็มักจะรายงานเป็นชื่อและรุ่นของไดรฟ์ให้เสร็จสรรพ ที่เหลือก็คือ ตั้งค่า USB ให้เป็นตัวบูตเท่านั้นเอง

10. ทาส์กบาร์บนหน้าจอโน้ตบุ๊กกะพริบ

หากไม่ได้กะพริบแค่ในส่วนของไอคอนตัวใดตัวหนึ่ง เพื่อแสดงสถานะในการทำงานแล้ว ก็น่าจะเกิดจากปัญหาของหน้าจอ ที่อาจเกิดการเสื่อมหรืออาจเป็นหลังจากเกิดการกระแทก จนเสียหาย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงต้องส่งซ่อม เนื่องจากพาแนลอาจจะเสียหรือผิดปกติ อย่างไรก็ดี อาจจะไม่ได้เสียหายโดยสิ้นเชิง แต่อาจจะเกิดจากสายแพสัญญาณของจอภาพที่ส่งมาจากเมนบอร์ด อาจจะหลวมหรือหลุด อันเนื่องมาจากการใช้งานมานาน บางครั้งใช้แค่เพียงขยับหรือเปลี่ยนสายแพใหม่ ก็หายแล้ว
แหล่งที่มา   เว็บไซต์ ARIP โดย พี่มิ้งค์ คอมทูเดย์ - 5 เมษายน 2555 เวลา 12:58 น.

11. พิมพ์ตัวเลขได้ด้วย Numpad บนโน้ตบุ๊ก

สำหรับคนที่ใช้โน้ตบุ๊กแล้วต้องทำงานกับตัวเลขบ่อยๆ อาจจะรู้สึกหงุดหงิดที่มันไม่มีแป้นตัวเลขให้พิมพ์เหมือนกับเครื่องเดสก์ทอป แม้ว่าโน้ตบุ๊กบางรุ่นเดี๋ยวนี้จะมีการใส่มาให้ด้วย แต่ก็ต้องเป็นโน้ตบุ๊กรุ่นที่มีขนาดหน้าจอ 15 นิ้วขึ้นไป ซึ่งต้องมาแบกกันหลังแอ่นอีก

สำหรับคนที่ใช้คีย์บอร์ดโน้ตบุ๊กแล้วต้องพิมพ์ตัวเลขบ่อยๆ สามารถหาทางออกได้ด้วยการไปซื้อ Numpad แบบ USB มาต่อเพิ่ม หรือกดปุ่ม Fn + Numlock บนคีย์บอร์ดเพื่อเปิดฟังก์ชันคีย์ตัวเลขที่มีมาให้ด้วยเช่นกัน (โน้ตบุ๊กแต่ละรุ่นอาจจะเปิด Numlock ด้วยปุ่มที่แตกต่างกันไป) ส่วนจะพิมพ์ตัวเลขอย่างไรนั้น ให้ลองมองที่บริเวณปุ่ม U I O J K L จะเห็นว่ามีตัวเลขเล็กๆ ระบุอยู่เรียบไปตามปุ่มเป็นรูปแบบคล้ายๆ Numpad แม้ว่าจะเบี้ยวๆ ไปบ้าง ก็ดีกว่าไม่มีให้ใช้

ใช้งานเสร็จแล้วอย่าลืมปิด Numlock ด้วย ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถพิมพ์ตัวอักษรบริเวณที่เป็น Numpad ได้ ซึ่งปัญหานี้มีหลายคนเจอด้วยความบังเอิญ แล้วนึกว่าคีย์บอร์ดเสีย พิมพ์ตัวอักษรแล้วกลายเป็นตัวเลข แบบนี้ให้ลองเช็ก Numlock ดูก่อน

12. ลงวินโดวส์บนโน้ตบุ๊กแล้ว อยากเก็บระบบไว้ Restore ภายหลัง

หากคุณเซตระบบต่างๆ จนเป็นที่พอใจแล้วหรือคิดว่าการลงวินโดวส์และไดรเวอร์ครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจและระบบมีความเสถียร อาจจะเลือกจัดเก็บระบบดังกล่าวนี้เอาไว้ เพื่อที่ในอนาคต อาจจะนำระบบที่จัดเก็บไว้มา Restore กลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งใน Windows 7 นั้นสามารถเลือกที่จะ Backup ไฟล์ต่างๆ ใน Library ก็ได้หรือจะเก็บเฉพาะ System ไว้ก็ได้เช่นกัน ด้วยการ Backup ทั้งระบบเก็บไว้เป็นไฟล์ Image ด้วยการเข้าไปที่ Control Panel > System and Security > Backup and Restore แล้วคลิกเลือกที่ Set Backup แล้วเรียก Windows Backup ขึ้นมาทำงาน

13. ตั้งค่าให้ดึงแฟลชไดรฟ์ได้ ไม่ต้อง Safely Remove

เริ่มด้วยดับเบิลคลิกเปิด My Computer ขึ้นมา จากนั้นก็เสียบแฟลชไดรฟ์ให้เรียบร้อย รอสักครู่จนเครื่องมองเห็นเป็นไดรฟ์ขึ้นมา ถึงตรงนี้ให้คลิกขวาที่ไอคอนของแฟลชไดรฟ์แล้วเลือก Properties เลือกแท็บ Hardware แล้วดับเบิลคลิกที่ชื่อของแฟลชไดรฟ์ ในหน้าต่างย่อยอันใหม่ที่แสดงขึ้นมาให้คลิก Change Settings -> Continue จากนั้นเลือกไปที่แท็บ Policies จะมีรายการให้ปรับแต่งให้เลือกเป็น Optimize for quick removal ซึ่งหมายถึงสามารถถอดเข้าถอดออกได้โดยไม่ต้องไปคลิกที่ safely remove hardware เพียงเท่านี้ ก็สามารถแฟลชไดรฟ์ได้ทันทีที่เลิกใช้งาน

14. ลบข้อมูลลับในโน้ตบุ๊กก่อนส่งซ่อม

กรรมวิธีในการลบไฟล์แบบสะอาด ยากที่จะกู้กลับคืนมาได้มีด้วยกันหลายรูปแบบ เช่น การฟอร์แมตและลบพาร์ทิชัน ก็ช่วยได้เยอะ แต่ถ้าเอาแบบสะอาดสุดๆ ก็คงต้องใช้วิธี Low Level Format ที่จะล้างไปถึงระดับ Sector อย่างไรก็ดี คงไม่ใช่วิธีที่ง่ายนัก เนื่องจากต้องใช้ซอฟต์แวร์สำหรับจัดการ วิธีง่ายๆ อีกวิธีหนึ่งก็คือ การใช้ข้อมูลอื่นๆ ก๊อบปี้ทับลงไปในฮาร์ดดิสก์ที่ต้องการทำความสะอาด เสร็จแล้วให้ฟอร์แมตไปเรื่อยๆ ทำซ้ำประมาณ 2-3 ครั้ง ก็แทบจะกู้ไฟล์ที่ไม่ต้องการได้เลย แต่สิ่งที่ยากก็คือ หากใช้ฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ ก็จะใช้เวลาในการทำมากพอสมควร ซึ่งถ้าไม่ได้รีบร้อนก็ค่อยๆ ทำไป แต่ถ้ารีบก็คงต้องการโซลูชันอื่นมาจัดการหรือจะใช้โปรแกรมซ่อนไฟล์อย่าง Free Hide Folder

Free Hide Folder ความสามารถของโปรแกรมช่วยให้เราซ่อนข้อมูลต่างๆ ที่เราไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นนั้นเอง มีระบบล็อกรหัสผ่านด้วย ข้อมูลลับจะได้ไม่รั่ว เพราะเราไม่รู้ว่าระหว่างส่งซ่อมนั้นช่างทำอะไรกับโน้ตบุ๊กของเราบ้าง โดยโปรแกรมตัวนี้เป็นฟรีแวร์ทั้งดีและฟรีอีกด้วย แต่คุณก็สามารถสนับสนุนผู้พัฒนาโปรแกรมได้เช่นกัน วิธีใช้ก็แค่เพิ่มโฟลเดอร์ที่ต้องการลงในโปรแกรมจากนั้นก็ตั้งรหัสผ่าน ยังสามารถ Backup ค่า Setting ที่เราซ่อนไว้เผื่อโปรแกรมเสียหายจะได้ Restore กลับมาได้

15. NBD บนโน้ตบุ๊กคืออะไร

หลายคนคงพอได้เห็นในโบรชัวร์ขายโน้ตบุ๊กกันมาบ้างแล้ว ก็อาจจะสงสัยว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับโน้ตบุ๊กความหมายของคำว่า NBD ที่แสดงอยู่ในใบประกาศของโน้ตบุ๊กนั้นย่อมาจาก Next Business Day ซึ่งเป็นการบอกให้ทราบถึงลักษณะของการประกันของโน้ตบุ๊ก ที่หากมีความขัดข้องทางบริษัทก็จะการันตีส่งช่างไปซ่อมถึงที่ (On Site) ภายในวันรุ่งขึ้น นับจากที่มีการโทรแจ้ง ยกเว้นวันรุ่งขึ้นจะติดวันหยุด ก็จะขยับไปในวันถัดไปแทน แบบนี้ก็คงคลายข้อสงสัยกันไปได้บ้างแล้วใช่ไหม

16. เช็กดูว่าพัดลมโน้ตบุ๊กหมุนหรือไม่

โปรแกรม Speed Fan ก็ถือว่าเป็นผู้ช่วยที่ให้ผู้ใช้โน้ตบุ๊กตรวจสอบเรื่องความร้อนและความเร็วรอบของพัดลมได้ โดยสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม Speed Fan มาติดตั้งได้ทันที
  • แท็บ Reading จะเป็นตัวบอกสถานะต่างๆ ในการทำงานของระบบ ไม่ว่าจะเป็น CPU Usage และอุณหภูมิ ซึ่งดูได้จากช่องตรงกลาง ที่มีบอกทั้งซีพียูและการ์ดจอ รวมถึง System ด้านล่างจะเป็นเรื่องของแรงดันไฟอุปกรณ์
  • ระบบพัดลมสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ ซึ่งถ้าปกติไม่ได้เข้าไปตั้งค่า Smart Fan หน้าต่างโปรแกรมจะรายงานการทำงานเป็น 100% เนื่องจากพัดลมถูกตั้งให้ทำงานเต็มที่ หากมีเสียงรบกวนมากไป ก็อาจปรับลดได้จากตรงนี้ ด้วยการคลิกลูกศรขึ้น-ลง
  • แต่ถ้าต้องการจะเปิดหรือปิดการรายงานของรอบพัดลมหรือแรงดันไฟ รวมถึงอุณหภูมิ สามารถคลิกไปที่ Configure แล้วเลือกไปตามแท็บต่างๆ ประกอบไปด้วย Temp, Fan, Voltage และ Speed เลือกคลิกให้รายงานได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมรอบพัดลมให้ทำงานได้อัตโนมัติตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ด้วยการคลิกที่ Clock แล้วตั้งค่าชิปเซต รุ่น รวมถึงสัญญาณนาฬิกาให้ตรง ตั้งค่าความเร็วที่ทำให้พัดลมทำงานเร็วขึ้นหรือช้าลงได้อีกด้วย
17. ถ่ายรูปด้วยเว็บแคมบนโน้ตบุ๊ก

หากเป็นวินโดวส์เอ็กซ์พีบนโน้ตบุ๊ก เมื่อติดตั้งไดรเวอร์ต่างๆ เรียบร้อย ก็จะเห็นไอคอนเว็บแคมอยู่ใน My Computer ซึ่งไอคอนนี้จะช่วยให้สามารถเปิดขึ้นมาถ่ายภาพนิ่งได้ทันที โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่ม แต่ถ้าต้องการเป็นภาพวิดีโอ ก็คงต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่ม ซึ่งมันช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้มาก โดยเฉพาะคนที่ซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ และอยากจะเทสต์ว่าเว็บแคมใช้งานได้ไหม แต่ในวินโดวส์ 7 ในส่วนนี้ไม่มีมาให้อีก ซึ่งคุณจะไม่สามารถถ่ายภาพจากเว็บแคม หรือเรียกใช้งานเว็บแคมได้โดยตัววินโดวส์เพียงอย่างเดียว แต่ทางออกง่ายๆ ก็คือต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติม

เท่าที่สังเกต ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะไม่ทราบก็คือแม้จะตัดส่วนของการใช้งานเว็บแคมออกไปจากตัวระบบ แต่ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กที่มีเว็บแคม หรือผู้ผลิตเว็บแคมเองจะมีซอฟต์แวร์ที่ทำงานด้านนี้มาให้อยู่แล้ว โดยคุณสามารถเข้าไปดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถเรียกใช้เว็บแคมขึ้นมาถ่ายภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหวได้จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก ซึ่งทุกยี่ห้อจะมีซอฟต์แวร์ตรงนี้มาให้ดาวน์โหลดฟรีอยู่แล้วสำหรับผู้ใช้งานวินโดวส์ 7 ซอฟต์แวร์นั้นจะแตกต่างกันไปตามยี่ห้อของโน้ตบุ๊ก และอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นด้วย บางยี่ห้อเลือกที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์ ขึ้นมาเป็นแบรนด์ของตัวเอง ในขณะที่บางรายก็ทำสัญญาซื้อซอฟต์แวร์มาให้ลูกค้าได้ใช้งานอย่างเช่น Cyberlink YouCam ก็มีให้เห็นเช่นกัน

18. พับฝาโน้ตบุ๊ก เปิดปิด หลับๆ ตื่นๆ

โน้ตบุ๊กปัจจุบันนี้ทันสมัยและวินโดวส์เองฉลาดยิ่งขึ้น แค่คุณใช้งานโน้ตบุ๊กแล้วพับฝาโน้ตบุ๊กลง ตัวฮาร์ดแวร์จะทำการปิดหน้าจอให้โดยอันโนมัติอยู่แล้ว แต่ตัววินโดวส์จะถูกสั่งให้เข้าสู่โหมด Stand by ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 5-10 วินาทีจึงจะเข้าสู่โหมด Stand by โดยสมบูรณ์ แล้วใช้เวลาอีก 3-5 วินาที ในการเปิดเครื่องขึ้นมาจากโหมด Stand by อาจจะนานกว่านั้นถ้ามันเข้าสู่โหมด Sleep หรือ Hibernate ไปเลย

วิธีการตั้งค่าว่าถ้าเรากำลังปิดฝาหน้าจอโน้ตบุ๊กลงมา จะให้วินโดวส์ทำงานอย่างไร ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ตั้งแต่ให้ Sleep หลับไปเลยยาวๆ คล้ายๆ ชัตดาวน์แต่สามารถเปิดโปรแกรมค้างไว้ได้และเปิดขึ้นมาทำงานต่อได้แต่ใช้เวลานานหน่อยกว่าจะเปิดและปิด หรือจะให้มันแค่ Stand by อย่างที่เราเห็นๆ กัน ใช้เวลาน้อย แต่ต้องมีแบตเตอรี่เลี้ยงอยู่ตลอด แถมยังกินแบตฯ มากกว่า Sleep ด้วย หรือจะสั่งว่า ไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้เช่นเดียวกัน

การทั้งค่าทั้งหมดนี้จะอยู่ใน Power Option โดยคุณสามารถพิมพ์ค้นหาได้จาก Start Menu หรือจะเข้าไปหาใน Control Panel ก็ได้เช่นเดียวกัน จากนั้นไปเลือก Choose what closing the lid does จะมีให้ปรับทั้งหมด 3 ส่วนอยู่ในที่เดียวกันคือเมื่อกดปุ่ม Power หรือ Sleep ให้ทำอะไร เมื่อปิดฝาหน้าจอ ให้ทำอะไร โดยแยกเป็นกรณีของใช้งานแบตเตอรี่และเสียบสายชาร์จ

19. จอคอมพ์โน้ตบุ๊กมีเงาภาพซ้อนสลับกัน

ดูจากอาการคล้ายๆ กับแรมใกล้หมดหรือมีการใช้พื้นที่แรมเต็ม Out of memory ยิ่งถ้ามีอาการกระตุกก็ยิ่งชัดเจนเลย อาการนี้ให้ลองวิธีง่ายๆ ก่อนคือ ปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ทั้งหมดลงก่อน จากนั้นลองดูว่ายังเป็นหรือไม่ ถ้ายังเป็นอยู่ ก็ให้ดูว่ามีโปรแกรมอื่นๆ รันอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า ด้วยการกด Ctrl+Alt+Del แล้วดูที่หน้า Process ดูที่ช่อง Memory ว่ามีอะไรใช้งานแรมอยู่เยอะจนผิดสังเกตหรือไม่ หากมีก็ให้ลอง End Process ออกไป จากนั้นลองตรวจเช็กไวรัสดูก่อน แต่ถ้าในกรณีที่ไม่ได้มีอะไรผิดปกติจริงๆ คือเครื่องช้าลงจากการใช้แอพพลิเคชันเพิ่มขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว ก็คงถึงเวลาที่ต้องอัพเกรดแรมให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งหากใช้อยู่ 2GB ก็แนะนำว่าน่าจะเพิ่มเป็น 4-8GB เป็นอย่างน้อย เพื่อลดปัญหาในการใช้งานในอนาคต

20. ลำดับความสำคัญของ WiFi แต่ละตัว

หากเราอยู่ในแหล่งชุมชนที่มี WiFi ให้เชื่อมต่อหลายตัว แต่อยากให้คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับอันที่เป็นของเรา หรืออันที่เร็วที่สุดก่อน หากต่อไม่ได้ก็ค่อยไปเชื่อมต่อกับ WiFi จุดอื่นแทน ก็สามารถตั้งค่าได้โดยเข้าไปที่ Manage Wireless Network Connection โดยเข้าไปที่ Network and Sharing Center สำหรับวิสต้า แล้วที่เมนูด้านซ้ายให้เลือก Manage Wireless Network Connection ซึ่งในนั้นจะมี Profile มากมายที่เคยตั้งค่าไว้ แล้วเลือก Profile ที่ต้องการ แล้วคลิกที่ปุ่ม Move up หรือ Move Down เพื่อจัดลำดับความสำคัญได้เลย
แหล่งที่มา   เว็บไซต์ ARIP โดย พี่มิ้งค์ คอมทูเดย์ - 5 เมษายน 2555 เวลา 13:07 น.

21. ปิดโน้ตบุ๊กแบบไหนดีที่เรียกว่า “ถูกต้อง”

ก่อนอื่นก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการปิดแต่ละแบบมีข้อดีที่แตกต่างกันไป คงไม่มีสูตรตายตัวว่าควรจะเลือกแบบไหนดี ขึ้นอยู่กับสถานที่และเวลา เพราะถ้าดีแบบเดียว ก็คงจะทำมาเมนูเดียว จะมีให้เลือกทำไมตั้งหลายแบบจริงไหม

Turn Off หรือ Shut Down เรียกว่าปิดสนิท ใช้เพื่อการปิดเครื่องแบบสมบูรณ์ คราวหน้าอยากใช้อีกก็ต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ แน่นอนว่าต้องใช้เวลาเยอะกว่าการปิดแบบอื่นๆ อันเนื่องจากต้องไล่เปิดโปรแกรมที่กำหนดให้ใช้ตอนเปิดเครื่อง

Stand By หรือแบบปิดไม่สนิท โดยเป็นการทำให้เครื่องเข้าสู่โหมดใช้ไฟแบบน้อยที่สุด (ประหยัดไฟ) โดยในโหมดนี้จะทำให้การโหลดข้อมูลระบบปฏิบัติการ และโปรแกรมที่เปิดไว้ทั้งหมด เข้าไปเก็บใน RAM ซึ่งต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน เมื่อใดที่เรากดปุ่มเปิดเครื่องใหม่ ระบบก็จะเปิดงานทุกอย่างที่ค้างไว้ขึ้นมาทันที

Hibernate บางคนชอบแปลว่า “จำศีล” โหมดนี้จะคล้ายกับ Stand By แต่พอสั่งปุ๊บก็จะโหลดระบบปฏิบัติการและโปรแกรมที่เปิดไว้ทั้งหมดไปฝากไว้ที่ฮาร์ดดิสก์แทน ทำให้ไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยงระบบเลย การปิดแบบนี้ทำให้เราสามารถถอดปลั๊กไฟได้เหมือนกับการปิดแบบ Shut Down เวลาจะใช้ก็เปิดสวิตซ์ปกติ แต่โหมดนี้จะใช้เวลาในการเปิดเครื่องนานกว่า Stand By

22. ต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโน้ตบุ๊กด้วยบลูทูธ
  • ขั้นแรกให้เปิดการใช้งานบลูทูธทั้งของโน้ตบุ๊กหรือเน็ตบุ๊กและมือถือให้เรียบร้อย แล้วทำการจับคู่กัน (Pair) ให้เรียบร้อย วิธีลัดคือ เปิดโหมด Discoverable บนมือถือ แล้วใช้โน้ตบุ๊กค้นหาอุปกรณ์ จากนั้นการเชื่อมต่อกัน ใส่ Passkey ให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จสิ้น
  • จากนั้นเชื่อมต่อแล้วระบบจะติดตั้งไดรเวอร์ Com Port ให้กับมือถือ ซึ่งเป็นไดรเวอร์มาตรฐานที่มีมาให้พร้อมกับบลูทูธอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเกิดปัญหาขึ้นอาจจะต้องใช้แผ่นไดรเวอร์บลูทูธของโน้ตบุ๊กหรือเน็ตบุ๊กมาติดตั้งเพิ่มเติมได้เหมือนกัน
  • ทำการสร้าง Connection ขึ้น โดยคลิกที่เครื่องหมาย เครือข่าย ที่อยู่มุมขวาล่างของหน้าจอเดสก์ทอป เลือก Connect to แล้วตามด้วย Set up a connection or network > Set up a dial-up connection > Standard Modem over Bluetooth
  • จากนั้นกรอกหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อลงไป ซึ่งคุณสามารถสอบถามได้จากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือของคุณ สุดท้ายก็เพียงแค่ตั้งชื่อการเชื่อมต่อให้เรียบร้อย เช่น Internet on Mobile เป็นอันเสร็จพิธี
  • การเชื่อมต่อก็เพียงแค่คลิกที่ Connect to เช่นเดิม แล้วเลือก Internet on Mobile หรือชื่อที่คุณตั้งไว้ ซึ่งจะอยู่บนสุดของลิสต์ แล้วกดปุ่ม Connect ก็จะเป็นการเชื่อมต่อ แต่ทั้งคอมพิวเตอร์และมือถือต่างก็ต้องเปิดบลูทูธเอาไว้ด้วย
23. ต้องติดกันรอยหน้าจอโน้ตบุ๊กด้วยหรือไม่

การติดกันรอยหน้าจอโน้ตบุ๊กไม่ถึงกับจำเป็นมาก ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้เป็นสำคัญ การติดฟิล์มสำหรับจอโน้ตบุ๊กหลักๆ จะมีด้วยกัน 2 เหตุผล เหตุแรกคือปกป้องหรือป้องกันรอยขีดข่วนหรือคราบต่างๆ จากการใช้งาน สาเหตุที่สองก็คือช่วยเพิ่ม Contrast (ติดฟิล์มแบบ glossy) หรือลดอัตราการสะท้อนแสงของจอ (ติดฟิล์มแบบ anti-glare) เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องกังวลมาก เนื่องจากโดยปกติ ก็จะไม่ค่อยมีอะไรมากระทบหน้าจออยู่แล้ว ยกเว้นแต่จะมีเด็กใช้เครื่องร่วมด้วย ก็ต้องป้องกันการขีดข่วนจากปากกาหรือสิ่งอื่นๆ โดยไม่ตั้งใจ

ส่วนวิธีทำความสะอาดหน้าจอ ถ้ามีฝุ่นมาเกาะเยอะหรือมีรอยขีดข่วนเล็กน้อยๆ นั้น แนะนำให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือผ้าเช็ดแว่นก็ได้ ในการเช็ดทำความสะอาด ควรหลีกเลี่ยงการใช้เสื้อหรือกระทั่งผ้าเช็ดหน้าในการเช็ดทำความสะอาดจอโดยไม่จำเป็น เพราะอาจจะทิ้งคราบหรือรอยขีดข่วนไว้มากกว่าเดิมได้ แต่หากมีคราบสกปรกเยอะ ก็ให้ใช้พวกน้ำยาสำหรับทำความสะอาดจอ LCD โดยเฉพาะในการเช็ด โดยไม่ควรเช็ดแบบวนซ้ำไปซ้ำมาในบริเวณที่เป็นคราบ แต่ให้ใช้วิธีเช็ดไปในทิศทางเดียวกันจะเหมาะสมกว่า

24. หน้าจอโน้ตบุ๊กเป็นจุดเล็กๆ สีแดง

อาการดังกล่าวเรียกว่า Hot Pixel หรือจุดเสียบนหน้าจอ LCD นั่นเอง ซึ่งวิธีการตรวจสอบในขั้นต้น ก็อาจใช้วิธีการเปิดหน้าจอให้เป็นสีต่างๆ ดูว่าเกิดขึ้นเยอะหรือไม่ แล้วมีการกระจายตัวออกไปหรือเปล่าหรืออาจจะใช้โปรแกรม DPT หรือ Dead Pixel Test ในการตรวจสอบก็ได้ โปรแกรมดังกล่าวนี้นอกจากจะสามารถให้เราเห็นความผิดปกติที่เกิดจาก Dead/ Hot Pixel หรือ Bright Pixel แล้ว ก็ยังช่วยในการตรวจสอบการแสดงผลในแนวต่างๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเส้นขอบ เส้นแนวนอน แนวตั้ง รวมถึงการไล่เฉดสีเป็นไปตามปกหรือเปล่า ในกรณีนี้หากเกิดขึ้นเป็น Hot Pixels หรือ Dead Pixel แล้ว บางคนแนะนำว่าให้ลองเอามือลูบเบาๆ ในจุดที่เป็น แต่จริงๆ แล้วไม่อยากแนะนำ เพราะอาจเกิดความเสียหายในบริเวณใกล้เคียง ทางแก้ไขค่อนข้างยาก อย่างไรก็ดี หากยังอยู่ในระยะประกัน แล้วเป็นมากกว่า 4 จุด ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขของการรับประกันในหลายๆ ที่สามารถนำไปเคลมได้

25. ยืดอายุให้แบตเตอรี่โน้ตบุ๊ก

ผลการทดสอบในต่างประเทศให้ผลตรงกันว่า แบตเตอรี่แบบลิเทียม-โพลีเมอร์ (Li-Polymer) ที่โน้ตบุ๊กส่วนใหญ่ใช้นั้นจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานตามความเหมาะสมเมื่อถูกใช้หรือจัดเก็บไว้สถานที่ที่มีอุณหภูมิไม่สูงไปกว่า 40 องศาเซลเซียส และไม่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส เรียกว่าร้อนไปก็ไม่ได้ เย็นไปก็ไม่ดี

จังหวะหรือวิธีการชาร์จแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊กก็มีผลกับอายุการใช้งานอยู่ด้วย หากต้องการให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานไม่เสื่อมต่อไม่ควรปล่อยให้ปริมาณพลังงานในแบตเตอรี่เหลือต่ำๆ แล้วค่อยชาร์จ จากการทดสอบพบว่าการชาร์จแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กเมื่อเหลือไฟไม่ต่ำกว่า 40% จะลดอัตราการเสื่อมต่อแบตฯ ได้มากกว่าการปล่อยให้เหลือพลังงานน้อยๆ แล้วค่อยชาร์จ

โน้ตบุ๊กในปัจจุบันล้ำสมัยไปมาก มีความสามารถในการตัดการเก็บประจุอย่างเหมาะสมเมื่อประจุไฟเต็ม ไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหา ส่วนเรื่องอายุของแบตฯ นั้น โดยเฉลี่ยแล้วแบตเตอรี่สำหรับโน้ตบุ๊กแบบลิเทียมโพลีเมอร์จะมีอายุใช้งานประมาณ 18-24 เดือนก่อนจะเริ่มเสื่อมสภาพ แต่หากดูแลรักษาอย่างถูกวิธีก็อาจจะมีอายุการใช้งานยืนยาวกว่านั้น

ในด้านของการใช้งานจริงนั้นโน้ตบุ๊กจะมีอัตราการใช้งานขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลาตามลักษณะการใช้งานที่เปลี่ยนไป ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาการใช้งานจะลดลงไปด้วย ยิ่งมีการใช้งานที่อาศัยการประมวลมาก ระยะเวลาการใช้งานจากแบตฯ ก็จะลดลงตามไปด้วยนั่นเอง ดังนั้นในบางครั้งอาจจะมีระยะเวลาในการใช้งานไม่เท่ากัน ในแต่ละการชาร์จ ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานและองค์ประกอบอื่นๆ โดยรอบ

26. ติดตั้ง Windows 64-bit จะใช้โปรแกรม 32-bit ได้ไหม

หลายคนมองว่าโน้ตบุ๊กที่ซื้อมาสเปกค่อนข้างสูง บางคนเลือกใช้รุ่นที่เป็นเกมเมอร์ ซึ่งบางรุ่นใส่แรมมามากถึง 8GB-12GB ครั้นจะลงวินโดวส์แบบ 32-bit ก็กลัวว่าจะใช้งานได้ไม่เต็มที่ จึงเลือกวินโดวส์ 64-bit มาใช้หรือบางรุ่นก็เป็น OEM มาให้เลย ซึ่งก็ทำให้มองเห็นแรมที่มากกว่า 4GB ได้อย่างครบถ้วน แต่ประเด็นคือ หากจะต้องเล่นเกมหรือใช้ซอฟต์แวร์ 32-bit จะใช้ได้หรือเปล่า คำตอบคือได้แน่นอน สามารถที่จะเลือกติดตั้งได้เลยว่า จะใช้ซอฟต์แวร์แบบ 64-bit หรือ 32-bit โดยระบบจะทำการแยกส่วนของโปรแกรมออกจากกัน ฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้งาน เพียงแต่ถ้าเป็นวินโดวส์ 7 ที่เป็น OEM นั้น ต้องเลือกซื้อรุ่นที่เป็น 64-bit โดยตรง แต่ถ้าซื้อเป็นแบบ Box ภายในจะมีแผ่นทั้งแบบ 64-bit และ 32-bit ให้เลือกติดตั้ง

27. โน้ตบุ๊กหลับไม่ตื่น

แนะนำว่า ปิดโปรแกรมต่างๆ ที่ไม่จำเป็นทิ้ง โดยเฉพาะโปรแกรมที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เครือข่าย หรือเรียกใช้แฟลชไดรฟ์ ฮาร์ดดิสก์ External ทั้งหลาย เพราะเมื่อ Stand By การเชื่อมต่อเหล่านี้จะถูกตัดหมด แล้วอาจจะทำให้โปรแกรมแฮงก์ได้ รวมถึงอย่า Stand By เป็นเวลานานๆ ถ้าคิดว่าจะไม่ได้ใช้อีกนานๆ ให้ปิดเครื่องไปเลยดีกว่าและอย่า Stand By ติดๆ กันหลายครั้ง ถ้าจะทำให้เปิดขึ้นมาแล้วสั่ง Restart เพื่อเคลียร์แรมและการทำงานของเครื่องโดยรวมบ้าง

28. เปลี่ยนโน้ตบุ๊กให้กลายเป็นเราเตอร์ไร้สาย
  1. ต้องต่ออินเทอร์เน็ตในโน้ตบุ๊กที่ต้องการทำเป็น Virutal Wi-Fi แล้ว เปิด Notepad พิมพ์คำสั่ง netsh wlan set hostednetwork mode=allow ssid=ชื่อเน็ตเวิร์ก key=พาสเวิร์ด netsh wlan start hostednetwork โดยระบบจะให้บริการในการเชื่อมต่อ เข้ารหัสด้วย WPA2 จากนั้นเซฟไฟล์เป็น นามสกุล.cmd
  2. เสร็จเรียบร้อย ให้คลิกขวาบนไฟล์ *.cmd เลือกคำสั่ง Run as administrator
  3. ตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่ายด้วย Virtual Wi-Fi ได้จากใน Wireless Network Connection ใน Network Connections of Network and Internet โดยจะแสดงชื่อบริการที่ตั้งไว้
เพียงแค่นี้ก็สามารถเปลี่ยนโน้ตบุ๊กที่ใช้ให้เป็นเราเตอร์ไร้สายได้ สำหรับการแชร์อินเทอร์เน็ตหรือมือถือและโน้ตบุ๊กเครื่องอื่นๆ ได้แล้ว

29. ใช้แอร์การ์ดบนโน้ตบุ๊กอย่างไร

โน้ตบุ๊กหรือเน็ตบุ๊กบางรุ่นเดี๋ยวนี้จะมีการใส่แอร์การ์ดมาให้พร้อมเลย สังเกตได้จากในสเปกจะมีคำว่า WWAN หรือ 3G ประมาณนี้อยู่ด้วย และภายในตัวโน้ตบุ๊กเองก็จะมีช่องสำหรับใส่ซิมโทรศัพท์มือถืออยู่ด้วย ส่วนใหญ่จะซ่อนอยู่หลังช่องใส่แบตเตอรี่ ส่วนวิธีการเชื่อมต่อนั้นง่ายแสนง่ายเลย

เริ่มต้นโดยดูว่าโน้ตบุ๊กหรือเน็ตบุ๊กที่ใช้มีการติดตั้งไดรเวอร์ครบถ้วนแล้วหรือยัง หากติดตั้งเรียบร้อยก็จะสามารถใช้งานแอร์การ์ดได้ทันที โดยจะมีโปรแกรมที่ใช้สำหรับเชื่อมต่ออยู่บนหน้าจอให้เลย แต่อาจจะแตกต่างกันไปตามโน้ตบุ๊กแต่ละรุ่น คล้ายๆ กับการเชื่อมต่อกรณีของแอร์การ์ดผ่าน USB ถ้าหากหาโปรแกรมไม่เจอจริงๆ อาจจะสันนิษฐานได้ว่ายังติดตั้งไดรเวอร์หรือโปรแกรมไม่สมบูรณ์ให้ติดตั้งส่วนของแอร์การ์ดเพิ่มเติม

จากนั้นเรียกโปรแกรมที่ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตขึ้นมา แล้วทำตามขั้นตอนการใช้งาน อันนี้แล้วแต่ยี่ห้อของโน้ตบุ๊ก หรือเน็ตบุ๊กที่คุณใช้ แต่โดยปกติแล้วก็จะคล้ายๆ กันคือคลิกปุ่ม Connect เพื่อเชื่อมต่อได้เลย

30. แป้นพิมพ์ โน๊ตบุ๊ก พิมพ์เองตลอดเวลา

ปัญหาเรื่องของโน้ตบุ๊กพิมพ์เอง อาจจะเกิดได้ 2 สาเหตุหลัก กล่าวคือ ประการแรก เกิดจากหน้าสัมผัสของแป้นพิมพ์อาจลัดวงจร เนื่องจากความชื้นหรือฝุ่นที่เข้าไปสะสมอยู่ภายใน ทางแก้ก็คือ หากหมดประกันแล้ว อยากลองทำเอง ก็เพียงใช้ไขควงแกะแผงคีย์บอร์ดด้านบน ด้วยการเปิดฝาเครื่องด้านหน้า จากนั้นใช้แปลงเล็กๆ ปัดฝุ่นหรือเศษผงต่างๆ ออกจากหน้าสัมผัส ถ้ามีเครื่องเป่าด้วยก็จะดี จากนั้นปิดแล้วลองใช้งาน ส่วนประการที่สองอาจเกิดจากการลัดวงจรของสายสัญญาณอันเกิดจากการเดินสายภายในที่อาจขาดหรือเสียหาย ถ้าเป็นสาเหตุดังกล่าวอาจแก้ยากสักหน่อย หากไม่เคยแกะหรือไม่ชำนาญในการไล่สายสัญญาณ แนะนำว่าให้นำไปให้ช่างที่คุณนำไปซ่อมจอ ลองแกะออกมาดูแล้วเดินสายให้เรียบร้อยอีกครั้ง

31. Sync ข้อมูล โทรศัพท์กับโน้ตบุ๊ก

Sync นั้นเป็นคำย่อมาจาก Synchronization แปลว่าการทำให้ตรงกัน หรือถ้าอธิบายง่ายๆ ก็คือการถ่ายโอนไฟล์หรือข้อมูลรูปแบบหนึ่งซึ่งจะมีการตรวจสอบข้อมูลจากทั้งฝั่งคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กและมือถือเพื่อให้ข้อมูลที่ได้หลังจาก Sync ทั้งสองแหล่งมีข้อมูลที่ตรงกัน โดยอาจจะเป็นการเพิ่มข้อมูลเข้าไป หรืออัพเดตข้อมูลจากทั้งสองแหล่งให้เป็นข้อมูลล่าสุดและตรงกัน

การ Sync นั้นสามารถทำได้กับข้อมูลหาอย่างที่อยู่ในมือถือ ทั้งรายชื่อผู้ติดต่อหรือที่เรียกกันง่ายๆ เบอร์ที่เมมไว้นั้น ดูจะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันทีเมื่อคุณเข้ามาพิมพ์และใส่ข้อมูลทุกอย่างลงไปผ่านคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถจัดการภาพ เพลง หรือคลิปวิดีโอต่างๆ ได้อย่างง่ายดายด้วย
นอกจากการ Sync หรือถ่ายโอนข้อมูลแล้ว การเชื่อมต่อมือถือเข้ากับคอมพิวเตอร์ก็ยังมีลูกเล่นอื่นๆ ที่ช่วยทำให้คุณใช้งานมือถือได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นด้วย

32. ซื้อวินโดวส์ 7 มาใช้กับโน้ตบุ๊กตัวเก่าได้หรือไม่

เรื่องที่ว่าใช้ได้หรือไม่ ก็คงต้องตอบว่าส่วนใหญ่นำมาติดตั้งได้หมด หากไม่เก่ามากจนสเปกไม่รองรับและบางรุ่นอาจมีปัญหาเรื่องของไดรเวอร์ของคอนโทรลเลอร์บางชิ้น ส่วนใหญ่ก็ติดตั้งได้ โดยสเปกที่ทางไมโครซอฟท์แนะนำจะประกอบด้วย
  • CPU: ความเร็ว 1 GHz 32-bit (x86) หรือ 64-bit (x64) ซีพียู
  • Memory: หน่วยความจำอย่างน้อย 1 GB สำหรับเวอร์ชัน 32-bit และ 2 GB สำหรับเวอร์ชัน 64-bit
  • Disk space: พื้นที่ฮาร์ดดิสก์อย่างต่ำ 16 GB สำหรับเวอร์ชัน 32-bit และ 20 GB สำหรับเวอร์ชัน 64-bit
  • Graphics: รองรับ DirectX 9 และ Windows Display Driver Model 1.0 หรือสูงกว่า สำหรับการใช้งาน Aero theme
  • Other: DVD-R/W Drive, Internet access (สำหรับดาวน์โหลด Windows 7 และ Update)
ซึ่งหากอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว ก็จะสามารถติดตั้งและใช้งาน Windows 7 ได้ตามปกติ แต่หากต้องการใช้งาน Windows XP Mode จะต้องมีหน่วยความจำอย่างน้อย 2 GB และต้องใช้พื้นที่ฮาร์ดดิสก์เพิ่มเติมอีก 15 GB และระบบฮาร์ดแวร์ต้องรองรับเทคโนโลยี Virtualization อย่าง Intel-VT หรือ AMD-V

แหล่งที่มา   เว็บไซต์ ARIP โดย พี่มิ้งค์ คอมทูเดย์ - 5 เมษายน 2555 เวลา 13:10 น.

หูฟัง Philips O’Neill รุ่น The Bend

หูฟังดีไซน์เท่ Philips O’Neill รุ่น The Bend ที่ถูกออกแแบบให้แข็งแรงทนทานแถมให้พลังเสียงกระหึ่ม

บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ แนะนำหูฟังดีไซน์เท่ Philips O’Neill รุ่น The Bend โดดเด่นด้วยความทนทานและยืดหยุ่นของแถบคาดศีรษะ และพลังเสียงเบสที่ก้องกระหึ่ม สนุกสุดมันกับกิจกรรมผจญภัยแถมเพลิดเพลินกับดนตรีโปรดได้นานเท่าที่ต้องการ

Philips O’Neill รุ่น The Bend มีให้เลือก 4 สีสดใส ลำโพงมีตัวขับเสียงขนาด 30 มม.ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม พิเศษด้วยสายคาดศีรษะทำจากวัสดุพิเศษทำให้มีความยืดหยุ่นสูงมาก แต่มีความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน พร้อมด้วยสายหูฟังที่มีความยาวของสายเคเบิล 1.2 ม. และสายหูฟังนี้ยังมีดีไซน์พิเศษป้องกันปัญหาสายพันกันเพื่อไม่ให้ขาดหรือหักง่ายอีกด้วย

วางจำหน่ายแล้วในราคา 2,990 บาท

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 29 เมษายน 2555 เวลา 19:49 น.

มือถือโซนี่กันน้ำได้

โซนี่ อรีริคสัน เผยโฉมสมาร์ตโฟนกันน้ำสำหรับขาลุย Sony Ericsson Xperia active กับราคาไม่ถึงหมื่นบาท

บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ คอมมิวนิเคชั่น (ประเทศไทย) เปิดตัว Sony Ericsson Xperia active สมาร์ตโฟนกันน้ำได้ สามารถใช้งานได้ในขณะที่นิ้วเปียก ด้วยตัวเครื่องขนาดเล็กกะทัดรัด มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3 เวอร์ชั่นล่าสุด หน้าจอแสดงผลแบบ Mobile BRAVIA Engine ที่ให้ภาพคมชัด สีสันสดใสเสมือนจริง

พิเศษด้วยระบบตรวจอัตราการเต้นของหัวใจที่หน้าจอและรองรับการวัดชีพจรกับเทคโนโลยี ANT+ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย พร้อมให้สนุกไปกับความบันเทิงที่หลากหลายด้วยหน้าจอทัชสกรีนขนาด 3 นิ้ว รวมถึงฟังก์ชั่นการถ่ายภาพด้วยกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัส สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้แบบ 30 เฟรมต่อวินาที

อีกทั้งสามารถชมไฟล์วิดีโอ Youtube ด้วยความละเอียดระดับ HD ผ่านมือถือและอัพโหลดไฟล์ผ่านมือถือได้อย่างทันท่วงทีผ่าน 3G 900/2100 MHz ความเร็ว 7.2 Mbps รวมถึงรองรับเครื่องเล่น MP3 วิทยุ FM และ Bluetooth เวอร์ชั่น 2.1 ท่องโลก Social Network Facebook ได้ง่ายๆ ผ่าน Facebook inside Xperia ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง พร้อมการ์ดหน่วยความจำ 1GB และสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 32GB

หาซื้อได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโซนี่อีริคสันทั่วประเทศ ร้าน Power Buy, ร้าน TG Fone และร้าน Jay Mart ตัวเครื่องมีสีดำ ราคา 9,990 บาท

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 30 เมษายน 2555 เวลา 09:49 น.

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555

โมโตโรล่า"เอทริกซ์ 2"สวยเก่งจนวางไม่ลง

ตอนที่เคอร์มิทได้เครื่อง โมโตโรล่า เอทริกซ์ 2 (Motorola Atrix 2) นี่มาเทสต์ คนแถวนี้มองตามเหลียวหลัง ทั้งบอกว่าแทบจะอยากเขวี้ยงเครื่องเก่าทิ้ง เพื่อเป็นเจ้าของโทรศัพท์สวยหน้าจอใหญ่เครื่องนี้ (เมาท์จริงๆ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้นะฮะ)
ว่ากันว่า โมโตโรล่ากำลังจะกลับมาทวงบัลลังก์ความเป็นยักษ์ใหญ่ในด้านโทรศัพท์มือถือ หลังจากที่หายไปนานในช่วงรอยต่อ เร่งรีบปรับตัวเองพัฒนาสมาร์ตโฟน เทรนด์ฮิตแห่งยุคสมัยออกมาหลายต่อหลายรุ่น

โมโตโรล่า เอทริกซ์ 2 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ก็เป็นหนึ่งในขุนศึกที่โมโตโรล่าส่งออกมาทวงคืนความยิ่งใหญ่
ถ้าเรียกเต็มๆ โทรศัพท์รุ่นนี้จะต้องมีคำว่า อีเอ (EA) ลงท้าย เพราะว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ได้ร่วมมือกับบริษัทผลิตเกมชื่อดัง สามารถโหลดเกมมาเล่นบนหน้าจอแบบแอลซีดีขนาดใหญ่ถึง 4.3 นิ้ว ที่ให้ภาพแบบไฮเรโซลูชันได้อย่างสนุกสนาน แบบว่าซื้อเครื่องเดียวเป็นได้ทั้งมือถือ เป็นได้ทั้งเกมเพลย์ ไปเลย

หน้าจอสวยงามและใหญ่มากขนาดนี้ อะไรมันก็ดูดี ถูกหูถูกตาไปหมด สำหรับช่วงนี้ที่สาวกแอนดรอยด์โหลดกันกระจาย ได้แก่ โปรแกรมถ่ายภาพวินเทจสไตล์โซเชียลเน็ตเวิร์กยอดฮิตอย่าง อินสตาแกรม กับกล้องละเอียดถึง 8 ล้านพิกเซล นี่มันต้องแจ๋วแน่ๆ

เคอร์มิทลองโหลดมาใช้ดู พบว่าเวอร์ชันแอนดรอยด์นี่ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ (ซึ่งคงมีการอัพเกรดอยู่เรื่อยๆ) เพราะว่าการถ่ายภาพและเลือกฟิลเตอร์ที่ชอบๆ ยังชักช้าอืดอาดเมื่อเทียบกับอินสตาแกรมในไอโฟน แถมยังพบปัญหาตอนที่กลับกล้องมาใช้ตัวที่อยู่ด้านหน้าเพื่อถ่ายตัวเอง กลับกลายเป็นจอดำๆ ทั้งๆ ที่ภาพได้ถูกถ่ายแล้ว และปรากฏอย่างในคาเมราโรลด้วย ต้องอาศัยการเลือกภาพจากในสต๊อกมาในฟิลเตอร์เพื่อแชร์แทนด้วยอาการงงๆ แต่ก็เชื่อว่าเป็นเพราะโปรแกรมยังไม่เสถียรเท่าไร ไม่ได้เกี่ยวกับตัวกล้อง

อีกหนึ่งแอพที่โหลดกันกระจาย (เพราะฟรี อิอิ) ก็อย่าง แองกรี เบิร์ด ใหม่ล่าสุด คือ แองกรี เบิร์ด สเปซ ซึ่งต้องบอกว่า สำหรับคนบ้าเล่นเกมน่ะ ถึงขั้นวางไม่ลงทีเดียวล่ะ เวอร์ชันฟรีๆ ในสโตร์ของแอนดรอยด์มีหลายฉากให้เล่นมากมาย (เยอะว่าในไอโฟนแน่ๆ) หรือใครติดจัดๆ ก็จ่ายตังซื้อเวอร์ชันพรีเมียม ราคาก็ไม่แพงนัก

ในเครื่องโมโตโรล่า เอทริกซ์ 2 จะมีโซเชียลฟีด ที่รวมโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ที่เราใช้เอาไว้ในที่เดียวกัน เหมือนกับระบบของแบล็คเบอร์รี่และแอพบางตัวในไอโฟน แต่ใช้แล้วไม่ปลื้ม ก็เลยลองโหลดโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เป็นแอพมาทดลองใช้ เอาแบบเบสิกๆ อย่าง เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ปรากฏว่าทวิตเตอร์ที่การใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์ไม่แตกต่างจากสมาร์ตโฟนเจ้าอื่นๆ ขณะที่เฟซบุ๊กนั้น โดยส่วนตัวชอบมากกว่าเวอร์ชันในไอโฟนที่อัพเดตช้ามากถึงมากที่สุด (บางทีก็ขี้เกียจอัพเดตซะงั้นก็มี) เฟซบุ๊กในแอนดรอยด์เครื่องนี้อัพเดตทันใจ ใช้ได้ดีทีเดียวเชียว

ที่สำคัญ อยากจะตั้งเตือนอะไรก็ตั้งเตือนได้ ไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมดง่าย ต่างจากเวลาใช้ไอโฟนต้องปิดการตั้งเตือนทุกอย่าง เพื่อให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น ขณะที่โมโตโรล่า เอทริกซ์ 2 ถ้าไม่ตั้งหูตั้งตาเล่นเกมทั้งวันละก็ แบตก็สามารถใช้งานได้นานดี ไม่เหมือนอย่างที่กลัว ค่าที่หน้าจอใหญ่ นึกเอาไว้ว่าอาจจะเปลืองแบตเตอรี่มาก

สมาร์ตโฟนเครื่องนี้ นอกจากจะเป็นโทรศัพท์ เป็นคอมพ์ขนาดจิ๋วสำหรับอัพเดตชีวิตในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นกล้องถ่ายรูปขนาดพกพา ด้วยความละเอียดสูงถึง 8 ล้านพิกเซลแล้ว ยังเป็นอะไรได้อีก...
ด้วยไมโครเอสดีที่สามารถรองรับได้ถึง 16 กิกะไบต์ ทำให้สามารถพกพาเพลงโปรด หรือแม้แต่หนังสักสองสามเรื่อง พกพาติดตัวไปไหนต่อไหน

ไม่ต้องเป็นกังวลว่า จะต้องนั่งคอพับคออ่อนดูหนังจากหน้าจอแอลซีดีของโมโตโรล่า เอทริกซ์ 2 เพราะว่าเขามีระบบเชื่อมต่อเจ๋งๆ อย่าง ไมโครเอชดีเอ็มไอ หรือการเชื่อมต่อภาพและเสียงความเร็วสูง มาให้สามารถส่งภาพและเสียงของวิดีโอขึ้นจอขนาดใหญ่ (สำหรับเครื่องรับระบบเอชดีที่มีช่องเอชดีเอ็มไอ) รื่นรมย์หนังเรื่องโปรดได้อย่างสบายๆ

เรียกว่า โมโตโรล่า เอทริกซ์ 2 เครื่องเดียวครบทุกอย่างจริง... อะไรจริง

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ โดย...เคอร์มิท 26 เมษายน 2555 เวลา 15:56 น.

Uppleva สมาร์ททีวี ที่เป็นมากกว่าโทรทัศน์



ขึ้นชื่ออยู่แล้วสำหรับ "อิเกีย" (IKEA) ร้านขายเครื่องเรือนและของใช้ภายในบ้านจากประเทศสวีเดน ที่มักจะมีไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ เกี่ยวกับสิ่งของเครื่องใช้ในบ้านต่างๆ ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลายมานำเสนอกันอยู่เสมอ มาคราวนี้สำหรับใครที่มองหาโทรทัศน์สักเครื่องหนึ่งล่ะก็ ที่ อิเกีย ก็มีรอให้คุณได้จับจองแล้วเช่นกันด้วย "Uppleva"


สำหรับใครที่เบื่อแล้วกับโทรทัศน์เครื่องเก่า ที่ไม่ว่าจะเอาไปไว้ส่วนไหนของบ้านก็ดูระเกะระกะไปหมด วางตรงไหนก็ไม่สวย แถมยังมีสายไฟต่อกับเครื่องเล่นและปลั๊กโน่นนี่มากมายสารพัด อีกทั้งยังระโยงระยางพันเกี่ยวกันจนน่ารำคาญ จนอยากจัดการให้ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ขอให้มองหา Uppleva เพราะนั่นคือคำตอบที่คุณมองหา

Uppleva จะเป็นทั้งโทรทัศน์และเฟอร์นิเจอร์ไปในตัว โดยในส่วนของโทรทัศน์นั้น ก็เป็นโทรทัศน์ที่มีคุณสมบัติต่างๆ เยอะแยะมากมาย เช่น หน้าจอที่ใช้ความละเอียดแบบ Full HD, เป็น Smart TV ซึ่งเชื่อมต่อกับสัญญาณ WiFi ให้คุณได้เล่นอินเทอร์เน็ตไปในตัว ส่วนด้านของความเป็นเฟอร์นิเจอร์นั้น นี่จะเป็นเฟอร์นอเจอร์แบบลอยตัว ที่คุณสามารถนำไปวางร่วมกับสิ่งของอื่นๆ ได้ทุกมุมของบ้าน


ทั้งนี้ ภายในส่วนที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ จะมีทั้งเครื่องเล่น Blu-ray, DVD และ CD ตามด้วยลำโพงให้ด้วยแบบเสร็จสรรพ แถมยังมีช่องไว้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ไว้ให้อีกด้วย ขณะเดียวกันกับสายไฟต่างๆ ที่เคยสร้างความรำคาญใจ ก็สามารถแก้ไขได้ เพราะ Uppleva มีช่องสำหรับเก็บสายไฟหรือตัวเชื่อมต่างๆ ไว้ให้ ดังนั้น จึงหมดห่วงกับเรื่องนี้ไปได้เลย ที่สำคัญไปกว่านั้น ทุกฟังก์ชั่นที่เป็น IKEA TV สามารถควบคุมให้เปิดปิดได้ง่ายมากๆ เพียงใช้ "รีโมท" ชิ้นเดียวเท่านั้น

ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ Uppleva ยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจด้วย คือในส่วนของขอบทีวี คุณสามารถเปลี่ยนสีได้ด้วย ทั้งนี้ก็ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใด นอกจากความสวยงาม เพื่อให้เข้ากับสีของพนังหรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ ในแต่ละจุดของบ้านที่คุณจะวาง Uppleva ไว้นั่นเอง

Uppleva ที่เรานำมาฝากกัน ซึ่งสำหรับบ้านเราแล้ว ใครที่สนใจก็ขอให้อดใจรอกันไปก่อน เพราะยังไม่มีการเปิดเผยให้ทราบจากทางอิเกีย ถึงราคาและรายละเอียดอื่นๆ ส่วนใครที่อยู่ทางยุโรปโดยเฉพาะตามเมืองสำคัญๆ เช่น สต็อกโฮล์ม มิลาน หรือ เบอร์ลิน ก็เตรียมจับจอง Uppleva กันได้ เพราะแว่วๆ มาว่าทางอิเกียสำนักงานใหญ่ จะวางออกจำหน่ายอย่างเป็นทางการเดือนมิถุนายน 2555 นี้แล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

ซัมซุงเปิดตัวออปติคัลไดรฟ์ที่บางที่สุดในโลก เพื่อใช้งานกับอัลตร้าบุ๊ค

ซัมซุงได้ประกาศเปิดตัวออปติคัลไดรฟ์ภายนอกใหม่ ที่จะถือได้ว่าเป็น ออปติคัลไดรฟ์ดีวีดีที่บางที่สุดในโลก โดยจะหนาเพียง 14 มม.เท่านั้น ซึ่งจะบางกว่าดีวีดีไร้ท์เตอร์แบบดั้งเดิม 18 เปอร์เซ็นต์ และเบากว่าถึง 8 เปอร์เซ็นต์ โดยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ควบคู่กับอัลตร้าบุ๊คของอินเทล

โดย SE-218BB จะเป็นออปติคัลไดรฟ์ที่มีการเชื่อมต่อผ่านพอร์ท USB เดียว ที่ให้การสื่อสารและพลังอำนาจระหว่าง 2 อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสมาร์ทของซัมซุง โดยไดรฟ์ดังกล่าวจะสามารถใช้งานร่วมกับทุกระบบปฏิบัติการหลักๆ ซึ่งรวมถึงระบบปฏิบัติการ Windows 7 (และเราเข้าใจว่า Windows 8 ก็สามารถใช้งานได้ในอนาคตอันใกล้นี้) และแมค นอกจากการใช้งานร่วมกับอัลตร้าบุ๊คแล้ว ซัมซุงยังได้บอกอีกด้วยว่า ไดรฟ์จะสามารถจับคู่กับการสนับสนุนแอนดรอยด์ในเวอร์ชั่น 3.1 หรือ Honeycomb หรือแท๊บเล็ตล่าสุด เพื่อดูดีวีดีได้ในระหว่างการเดินทางอีกด้วย โดยออฟติคัลไดรฟ์จะใช้อาร์เรย์ของเทคโนโลยีมาตรฐาน เช่น บัฟเฟอร์ Underrun Prevention ซึ่งเมื่อมีการเบิร์นซีดี ไดรฟ์จะต้องการใช้กระแสคงที่ของข้อมูลในการเขียน หากมีการรบกวนการไหลของข้อมูล บัฟเฟอร์อันเดอร์รันจะเออเร่อร์ ด้วยเทคโนโลยี ไดรฟ์จะสามารถเก็บข้อมูลที่เข้ามาลงในบัฟเฟอร์ เพื่อช่วยป้องกันความผิดพลาดดังกล่าวได้ โดยไดรฟ์จะมีความสามารถที่แตกต่างกันในความเร็วในการอ่านและเขียน ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของมีเดีย อาทิ 24X CD-ROM, 24X CD-RW, 8X DVD+R recording, 5X DVD-RAM recording, 6X DVD+R Dual Layer recording, 6X DVD-R Dual Layer recording, 8X DVD+RW recording และ 6X DVD-RW recording โดยซัมซุงได้เน้นย้ำไปที่ ไดรฟ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะปลอดสารตะกั่วบัดกรีที่เป็นอันตราย

สำหรับผู้ที่สนใจ ตอนนี้ SE-218BB จะจำหน่ายกันอยู่ที่ 59.99เหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มา   เว็บไซต์พันธ์ทิพย์

HTC Oneสมาร์ตโฟนเจ๋งฟังก์ชั่นครบ

HTC One สมาร์ตโฟนระดับพรีเมี่ยมที่มาพร้อมจุดเด่นด้านการถ่ายภาพที่น่าทึ่ง

ไลฟ์สไตล์สมัยนี้แยกเทคโนโลยีออกจากชีวิตประจำวันไม่ค่อยได้ ทั้งลืมตาตื่นและก่อนเข้านอน สมาร์ตโฟนกลายมาเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่เราหยิบใช้ ซึ่งเดี๋ยวนี้แต่ละค่ายก็พัฒนาไปอีกขั้น ได้ประโยชน์ให้ผู้บริโภคไปเต็มๆ

อย่างล่าสุด เอชทีซีขอเอาใจคนชอบใช้สมาร์ตโฟนหลายฟังก์ชั่นด้วย HTC One Family ที่ตั้งตัวเป็นแกดเจ็ตสารพัดประโยชน์ที่จะทำให้การใช้ชีวิตอินเทรนด์กว่าใคร

ไฮไลต์ของ One Family คือ HTC One X มาพร้อมกับรูปลักษณ์บางเฉียบชวนพกพา ให้ลุคพรีเมี่ยมด้วยดีไซน์เรียบหรู ผลิตจากโพลิคาร์บอร์เนตที่มีส่วนประกอบของโลหะน้ำหนักเบา จึงทนทานและสวยงาม หน้าจอสัมผัสขนาด 4.7 นิ้ว 720P HD ซูเปอร์แอลซีดี 2 ความละเอียด 1280x720 (ป้องกันรอยขีดข่วนเพราะทำจากกอริลล่า กลาส) เลือกใช้ระบบฏิบัติการแอนดรอยด์ OS, ICS และ HTC Sense ผ่านระบบประมวลผล 1.5 กิกะเฮิรตซ์ ควอทควอร์ จึงเร็วและแรง

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของ One X เห็นจะเป็นเรื่องการถ่ายภาพ จนขอยกให้เป็นสุดยอดกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟน เพราะมีโปรแกรม ImageSense จึงให้ภาพคมชัดมากกว่าเดิม มี HTC ImageChip ซึ่งช่วยให้จับภาพได้เร็วขึ้นแค่เพียง 0.7 วินาที ยิ่งเมื่อรวมเข้ากับระบบออโต้โฟกัสใหม่ที่ทำงานอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น แม้แต่ในสภาวะที่ไม่อำนวยอย่างแสงน้อยหรือแสงจ้า ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับ One X ด้วยเลนส์ f2.0 และเซ็นเซอร์ BSI ขนาดใหญ่ที่เปิดรับแสงจากภายนอกได้มากกว่าสูงสุดถึง 44% มีสมาร์ตแฟลชปรับระดับแสงได้ 5 ระดับ จึงได้ภาพสีสันสมจริง หมดปัญหาหน้ามืด เพราะถ่ายภาพย้อนแสง พร้อมโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องที่บันทึกภาพได้สูงสุดถึง 99 ช็อตกันเลย

ส่วนเรื่องการเก็บและแชร์ภาพถ่าย ไฟล์วิดีโอก็ทำได้ง่ายดาย เพียงติดตั้งระบบ Dropbox ซึ่งจะทำให้คุณมีพื้นที่ 25 กิกะไบต์ในการจัดเก็บไฟล์ต่างๆ ได้ฟรีถึง 2 ปี และแค่เพียงมีพอร์ต HDMI ก็สามารถเปิดไฟล์ไว้อวดคนอื่นๆ ผ่านทางโทรทัศน์ได้ทันที

ไม่ใช่แค่การถ่ายภาพเท่านั้น เรื่องประสบการณ์เสียงก็ไม่ใช่เล่น เพราะ One X ติดตั้งระบบเสียง Beats by Dr.Dre Audio จึงรับฟังเพลงโปรดหรือดูวิดีโอได้อย่างไม่ติดขัดด้วยเสียงสมจริง แถมยังง่ายขึ้นเมื่อสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ HTC Sync Manager เพื่อการย้ายไฟล์เพลงจากคอมพิวเตอร์มาสู่สมาร์ตโฟนได้สะดวก ไม่ต้องต่อสายให้ยุ่งยาก แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน

ฟังก์ชั่นหลากหลายเย้ายวนใจอย่างนี้ HTC One X วางจำหน่ายแล้วในราคา 21,900 บาท

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 26 เมษายน 2555 เวลา 11:08 น.

ที่สุดของเว็บไซต์ Freeware / Shareware

ขอรวบรวมเว็บไซต์ที่บริการให้ดาวน์โหลดฟรีแวร์และแชร์แวร์ ที่นักท่องเน็ตในต่างประเทศนิยมใช้บริการมาฝาก 

เว็บไซต์ดีเด่น (Outstanding Sites)
SoftPedia 

เว็บไซต์บริการเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีการจัดหมวดหมู่อย่างยอดเยี่ยม โดยแพลตฟอร์มทำให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงไฟล์ได้ดี นอกจากนี้ยังมีการเปิดให้ผู้ใช้บริการให้คะแนน (Ratings) และความคิดเห็นกับไฟล์ที่คุณดาวน์โหลดด้วย แต่จุดเด่นหรือจุดขายสำหรับเว็บไซต์นี้คือการรับประกัน100% ว่าไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากที่นี่ปลอดภัยจากสิ่งแปลกปลอมพวก Malware


SnapFiles / WebAttack

อีกหนึ่งเว็บไซต์บริการไฟล์ที่เรียกใหญ่ค่ายหนึ่ง การจัดเรียงข้อมูลไฟล์ทำได้ดี หน้าเว็บดูสะอาดตา การนำเสนอของเว็บทำได้ดี ผู้ใช้ๆงานได้สะดวก มีการรีวิวโปรแกรมให้ผู้ใช้ได้ศึกษาก่อน พร้อมเปิดให้ผู้ใช้ให้คะแนนและความคิดเห็นได้
  
FileHippo

เว็บไซต์ออกแบบด้วยโทนสีที่ดูสะอาดเรียบๆ แบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจนและมากมายกว้างขวางหลายหมวดหมู่ มีอัตราการดาวน์โหลดที่รวดเร็ว ทั้งยังมีการบอกประวัติรุ่นก่อนหน้าของไฟล์ที่ดาวน์โหลดให้คุณพิจารณาในการ ดาวน์โหลดด้วย
 
MajorGeeks

เว็บไซต์ นี้จัดเรียงไฟล์เป็นหมวดหมู่เรียงตามตัวอักษร เพียงเข้ามาที่หน้าแรกก็คลิกเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการได้แล้ว มีการให้คะแนนของผู้ใช้ จุดเด่นของเว็บคือมี Mirror Site ที่เก็บไฟล์หลายที่ทำให้สะดวกต่อผู้ใช้ที่จะเลือกจุดดาวน์โหลดได้ดี

FileForum-Betanews

เว็บไซต์ นี้มีการเก็บไฟล์ที่จะให้ดาวน์โหลดไม่มากเท่ากับเว็บที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่มีจุดเด่นคือ ถ้าคุณกำลังมองหาโปรแกรมรุ่นใหม่ล่าสุด คุณจะพบได้ที่นี่ก่อนเว็บไซต์อื่นๆ แน่นอน


ZDNet และ CNet Downloads

เว็บไซต์ทั้งสองถ้าดูที่หน้าเว็บและชื่อก็จะต่างกัน แต่ความจริงแล้วก็เป็นเว็บเดียวกัน เพราะมีเจ้าของเป็นบริษัทเดียวกันกัน เป็นเว็บไซต์เก็บไฟล์หรือซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุด การหาไฟล์ที่คุณต้องการจะทำง่ายเพราะมีเครื่องมือค้นหา (Search) ที่ดีที่สุด

แต่มีขอติและเตือนให้คุณๆ ระวังโปรแกรมบางโปรแกรมมักจะมีโปรแกรมพ่วงของผู้พัฒนาโปรแกรมที่คุณดาวน์ โหลด คือเมื่อทำการติดตั้งจะมีการถามหรือให้คุณกรอกข้อมูลส่วนตัวของคุณ ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดเป็นขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว


เว็บไซต์แนะนำ (Recommended Sites)

Tucows

เว็บไซต์ที่มีจำนวนหมวดหมู่ไฟล์มากมายและมี Mirror Site อยู่ทั่วโลกทำให้มีการดาวน์โหลดที่รวดเร็ว


ServerFiles.com 

หรืออีกชื่อก็คือ www.32bit.com เว็บไซต์เก่าที่มีความเชี่ยวชาญในซอฟต์แวร์เซิร์ฟเวอร์สำหรับผู้ดูแลระบบ เครือข่ายและผู้เชี่ยวชาญด้านไอที ถ้าคุณเป็นคนที่ทำงานด้านนี้หรือสนใจศึกษาด้านนี้ก็มาที่นี่ได้เลยรับรองไม่ ผิดหวัง

 
No-Nags 

เป็นเว็บไซต์ฟรีแวร์ดาวน์โหลดที่ดีที่สุดเว็บหนึ่ง มีการเก็บไฟล์ไว้มาก การบริการมีทั้งบริการฟรีและบริการพรีเมี่ยม (เสียเงิน) ซึ่งจะมีการระบบช่วยเหลือคุณในการใช้บริการได้มากกว่าฟรีแวร์


topshareware.com 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจเว็บหนึ่ง บริการดาวน์โหลดที่จัดไฟล์ได้ดี มีการให้คะแนนไฟล์พร้อมทั้งมีรายงานรีวิวโปรแกรมจากผู้ใช้

แหล่งที่มา    เว็บไซต์สนุกดอทคอม 24 เม.ย. 55 16.23 น.

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

เปิดแล้ว! Google Drive เก็บข้อมูลออนไลน์ฟรี 5GB

กูเกิล ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเครื่องมือค้นหาข้อมูล (Search Engine) ได้เปิดตัวบริการใหม่ ที่มีชื่อว่า Google Drive บริการพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ (Cloud Storage) โดยให้พื้นที่เก็บข้อมูลมากถึง 16 เทราไบท์ และให้พื้นที่เริ่มต้นฟรี 5 กิกะไบท์ พร้อมบริการให้กับผู้ใช้งานแล้วทั่วโลก


Google Drive

สำหรับบริการ Google Drive ที่ออกมาล่าสุดนี้ เป็นหนึ่งในบริการพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งตลาดที่เกี่ยวกับบริการเก็บข้อมูลออนไลน์นั้น กำลังได้รับความนิยมจากผู้ใช้งาน และมีให้เลือกใช้งานอยู่มากมายหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Dropbox, Box.net, SugarSync, Amazon Cloud Drive และ  Apple iCloud เป็นต้น แต่สำหรับ Google Drive ไม่ได้เป็นแค่บริการแชร์ไฟล์ ฝากไฟล์ แต่สามารถแก้ไขไฟล์เอกสารต่าง ๆ จาก Google Drive โดยตรงได้อีกด้วย รวมไปถึงยังมีโปรแกรมเพื่อรองรับการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac OS พร้อมทั้งแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ที่รองรับทั้ง iPhone และ Android เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับ Google Drive ได้ทุกที่ทุกเวลา

นอกจากนี้ Google Drive ยังสามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารและรูปภาพได้ และรองรับค้นหาข้อมูลอยู่ภายในไฟล์ ไม่ว่าจะเป็นข้อความตัวอักษรที่อยู่บนเอกสาร ระบบค้นหาจะสแกนโดยใช้เทคโนโลยี Optical Character Recognition (OCR) ได้อย่างแม่นยำ

คลิปแนะนำ Google Drive

ในเบื้องต้น ผู้ใช้งานจะได้รับพื้นที่เก็บข้อมูลฟรี 5 กิกะไบท์ หากพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน สามารถซื้อพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้ โดยพื้นที่ 25 กิกะไบท์  ราคา 2.49 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 77 บาท), 100 กิกะไบท์ ราคา 4.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 155 บาท), 1 เทราไบท์ ราคา 49.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 1,550 บาท) และ 16 เทราไบท์ ราคา 799.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 24,000 บาท) เมื่อผู้ใช้งานทำการอัพเกรดพื้นที่ Google Drive ก็จะส่งผลให้พื้นที่บน Gmail เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

สำหรับใครที่ใช้อีเมล Gmail อยู่แล้วและสนใจบริการ Google Drive สามารถเข้าไปสมัครและทดลองใช้งานได้ที่ https://drive.google.com/start ซึ่งขณะนี้ทางกูเกิลเริ่มทยอยเปิดบริการให้กับผู้ใช้งานบางส่วนแล้ว

แหล่งที่มา   เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

เผยไอโฟน 5 บางสุดขีด

ข่าวสะพัดไอโฟน5สุดบางขนาดเพียง 7.9 มม. เชื่อมาจากปัจจัยการพัฒนาเทคโลยีจอภาพ-แบตเตอรี่-เคส

ชาวโลกผู้คลั่งไคล้ในนวัตกรรมด้านไอที และบรรดาสาวกแอปเปิลคงจะนั่งกันไม่ติดเสียแล้ว เมื่อมีรายงานข่าววงในจากบริษัท แอปเปิล ว่าภายในปีนี้จะมีการผลิตไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่กล่าวกันว่า เป็นรุ่นสุดยอดที่เหนือชั้นกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา
จุดเด่นที่สุดของไอโฟนโฉมใหม่ที่คาดว่าจะมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ไอโฟน 5” (iPhone 5) คือขนาดที่บางสุดขีดเพียง 7.9 มม. สูสีกับโทรศัพท์มือถือรุ่น Ascend P1 ของหัวเว่ย ที่มีความบางที่สุดในโลกเพียง 6.68 มม. เพียงแต่ระบบปฏิบัติการของหัวเว่ยเป็นแบบแอนดรอยด์ ซึ่งแตกต่างจากระบบของไอโฟน

หากข่าวนี้ได้รับการยืนยันจริง ไอโฟนรุ่นแห่งอนาคตจะเป็นรุ่นที่มีความบางที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.appleinsider.com ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แอปเปิลสามารถผลิตไอโฟนให้บางลงก็เพราะจะมีการปรับปรุงเทคโนโลยีจอภาพ โดยจะย้ายระบบเซ็นเซอร์บนจอสัมผัสให้อยู่ใต้แผ่นฟิลเตอร์สี จากเดิมที่เคยอยู่ด้านบน ด้วยวิธีการนี้จะช่วยลดความหนาของโทรศัพท์โดยไม่กระทบต่อการสนองตอบของเครื่องระหว่างการใช้งาน

ไอโฟน4s
ด้านนักวิเคราะห์ด้านการตลาดชั้นนำระดับโลกจากบริษัท เคจีไอ ซีเคียวริตี้ แสดงความเห็นว่า สิ่งที่จะช่วยให้ไอโฟนตัวใหม่บางลง น่าจะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาแบตเตอรี่ให้บางลง และเปลี่ยนเคสไอโฟนจากเดิมที่เป็นแก้วมาเป็นโลหะเบา
ส่วนกำหนดเวลาในการเปิดตัว จีน มันสเตอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท ไพเพอร์ แจฟเฟรย์คาดว่า จะมีขึ้นในเดือน ต.ค.ปีนี้ ซึ่งการคาดการณ์ของมันสเตอร์มีความเป็นไปได้สูงกว่านักวิเคราะห์รายอื่นๆ ที่ระบุอย่างกว้างๆ ว่า อาจเปิดตัวกันในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ เนื่องจากมันสเตอร์เคยคาดการณ์การเปิดตัวไอโฟนโฟร์เอสอย่างถูกต้องมาแล้ว จนได้รับการกล่าวขวัญไปทั่ว
ทั้งนี้ ไอโฟนเป็นสินค้าที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของบริษัท แอปเปิล มีสัดส่วนการขายถึง 53% จากสินค้าทั้งหมด อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้แอปเปิลก็ยังไม่แพร่งพรายรายละเอียดและกำหนดการการปล่อยไอโฟนเวอร์ชั่นใหม่มาสนองความต้องการของสาวกทั่วโลก

การเปิดตัวไอโฟน 5 อาจช่วยให้ภาพลักษณ์ของแอปเปิลกลับมาเฟื่องฟูสุดขีดอีกครั้งเหมือนเมื่อครั้งที่ สตีฟ จ็อบส์ ยังมีชีวิตอยู่
หลังจากที่เคยสร้างความผิดหวังให้กับแฟนๆ ไอทีมาถึง 2 ครั้งซ้อน จากการเปิดตัวไอโฟนโฟร์เอส (iPhone 4S) และไอแพดใหม่ (The New Ipad) ที่มีการอัพเกรดจากรุ่นเดิมเพียงเล็กน้อย ซ้ำยังมีชื่อเรียกที่ไม่ต่อเนื่องกับรุ่นที่ผ่านมา
แม้จะผิดหวังหรือสมหวังกันไปต่างๆ นานา แต่หากไอโฟนตัวใหม่ตรงกับรายละเอียดที่คาดการณ์ว่า จะไม่เพียงสมใจแฟนๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยให้รายได้ของแอปเปิลพุ่งขึ้นอีกมหาศาล และหนุนมูลค่าหุ้นให้ทะลุหลัก 400 เหรียญสหรัฐได้ไม่ยาก

ช่วยให้บริษัทที่สตีฟ จ็อบส์ปลุกปั้นมากับมือ เทียบชั้นมหาอำนาจในวงการธุรกิจระดับแสนล้านบาทได้อย่างสบาย

 แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 25 เมษายน 2555 เวลา 10:43 น.

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

i-mobile S501Tน่ารักน่าใช้

ไอ-โมบายเปิดตัวมือถือเจาะกลุ่มคนชื่นชอบความน่ารักสดใสกับรุ่น i-mobile S501T Limited Edition

หากเจ้าตัวการ์ตูนน่ารักอย่าง บลัดดี้ บันนี่ (Bloody Bunny) และอันสลีป ชีป (Unsleep Sheep) เคยสร้างความน่ารักจับใจมาแล้ว แฟนคลับของการ์ตูนทั้งสองแบบเตรียมเฮได้ เพราะล่าสุดบริษัท ทูสปอต คอมมิวนิเคชั่น เจ้าของลิขสิทธิ์ ร่วมกับบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย เปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ i-mobile S501T Limited Edition ที่ดึงเอาคาแรกเตอร์ความน่ารักของทั้งสองแบบมาทำเป็นลวดลาย 2 สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น บลัดดี้ บันนี่ ในโทนสีดำ ดูเท่แบบลึกลับ และอันสลีป ชีป เน้นสีขาว น่ารัก สดใส ชอบความน่ารักแบบไหน เลือกได้ตามใจ

ว่าด้วยคุณสมบัติ S501T รองรับ 2 ซิมการ์ด หน้าจอแสดงผลระบบสัมผัส กว้าง 3.5 นิ้ว แบบ TFT-LCD 262,144 สี ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล มีการ์ดหน่วยความจำแบบไมโครเอสดี รองรับสูงสุด 16GB ด้านการถ่ายภาพ มาพร้อมกล้องดิจิตอล 2 ล้านพิกเซล กล้องตัวที่สองความละเอียด VGA-640 x 480 สามารถบันทึกไฟล์วิดีโอ ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ได้ด้วย

ส่วนฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกอื่นๆ ก็มากันครบ อาทิ ปฏิทิน, เครื่องคิดเลข, นาฬิกาปลุก และจดบันทึก นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ได้ถึง 1,000 รายชื่อเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถดาวน์โหลดคอนเทนต์ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวจาก บลัดดี้ บันนี่ และอันสลีป ชีป ไว้สำหรับตกแต่งหน้าจอได้ฟรี i-mobile S501T วางจำหน่ายแล้วในราคา 3,590 บาท พิเศษสุดเฉพาะ 1 หมื่นเครื่องแรกมีสายคล้องคอแถมมาให้ด้วย

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 24 เมษายน 2555 เวลา 11:22 น.

เผยราคา The New Ipad ในไทย รุ่นต่ำสุด 16,500 บาท

ราคา New iPad ของไทยหลุดแล้ว มีราคาเพิ่มขึ้น 600 บาทต่อรุ่น  เคาะรุ่นต่ำสุด 16,500 บาท ค่าย dtac เปิดให้จองเที่ยงวันนี้

วานนี้ (23 เมษายน 2555) เว็บไซต์ www.arip.co.th เปิดเผยราคา The New iPad ของไทยออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยมีราคาเพิ่มขึ้น 600 บาทต่อรุ่น มีรายละเอียดราคาต่อรุ่นต่าง ๆ ดังนี้
  • iPad Wi-Fi 16GB - Black/White 16,500 บาท
  • iPad Wi-Fi 32GB - Black/White 19,500 บาท
  • iPad Wi-Fi 64GB - Black/White 22,500 บาท
  • iPad Wi-Fi +4G 16GB - Black/White 20,500 บาท
  • iPad Wi-Fi +4G 32GB - Black/White 23,500 บาท
  • iPad Wi-Fi +4G 64GB - Black/White 26,500 บาท 
ขณะที่ค่าย dtac เผยรายละเอียดการเปิดจอง The new iPad โดยจะเริ่มเปิดลงทะเบียนในวันนี้ (24 เมษายน) ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เพื่อรับสิทธิ์การจอง New iPad ก่อนใคร 1,200 คนแรก ยังได้รับ dtac feel good set มูลค่า 2,690 บาทฟรี และในวันที่ 25 เมษายน 2555 ก็จะเป็นการประกาศผลผู้ที่ได้รับสิทธิ์ พร้อมทั้งยืนยันการรับสิทธิ์เพื่อเลือกรุ่น New iPad ที่ต้องการต่อไป และรับสินค้า New iPad ที่สั่งจองเอาไว้ได้ในวันที่ 27-28 เมษายน 2555 นี้

ราคา iPad (4G) จาก dtac 16GB 20,500 บาท 32GB 23,500 บาท และ 64GB 26,500 บาท ผ่อน 0% 10 เดือน พร้อมใช้ dtac 3G/EDGE+WiFi ฟรี! นานสูงสุด 1 ปี

อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์อย่างเป็นทางการอย่าง http://store.apple.com/th ยังไม่มีรายละเอียดราคา The new iPad แต่อย่างใด

แหล่งที่มา   เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

LINE สุดฮอตยอดโหลดทะลุ 30 ล้าน

LINE แอพฯแชตได้รับความนิยมพุ่งต่อเนื่องยอดดาวน์โหลดพุ่งทะลุ30ล้านหลังเปิดตัว 10 เดือน

แอพพลิเคชั่นที่ให้บริการส่งข้อความและโทรหากันฟรี แอพหนึ่งที่นิยมกันคือ LINE ที่ว่านิยมนั้นเพราะเพียงผ่านไป 10 เดือน (เปิดตัวเดือน มิ.ย. 54) มียอดดาวน์โหลดกว่า 30 ล้านครั้งทั่วโลก

ฟีเจอร์ของ LINE ได้ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายเพื่อเหมาะสำหรับจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งสติ๊กเกอร์น่ารักๆ ฟังก์ชั่นการสนทนากลุ่มที่สามารถแชตกับเพื่อนได้ถึง 100 คน และบริการโทรหากันฟรี ล่าสุด LINE เปิดตัวเวอร์ชั่นพีซี LINE Card และ LINE Camera ที่ช่วยให้ LINE เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้น
LINE เวอร์ชั่น PC สำหรับ Windows และ Mac รวมถึงเบราว์เซอร์สำหรับสมาร์ตแท็บเล็ตที่เปิดตัวเมื่อเดือน มี.ค. ผู้ใช้ยังสามารถใช้รหัส QR เพื่อเข้าสู่ระบบในเวอร์ชั่นพีซีได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนเพิ่มเติม ซึ่งการให้บริการในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า LINE เป็นแอพพลิเคชั่นที่ง่ายต่อการใช้งาน ทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อสื่อสารผ่าน LINE ได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือโซเชียลเน็ตเวิร์ก

LINE Card แอพใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ มียอดดาวน์โหลดกว่า 2 ล้านครั้งในเวลาเพียงสองสัปดาห์นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2555 LINE Card ได้ติดอันดับหนึ่งบน App Store ในญี่ปุ่น, ไต้หวัน และไทย
ส่วนแอพใหม่ล่าสุด LINE Camera ก็ฮิตติดชาร์ตในหมวดแอพถ่ายภาพฟรีด้วยยอดดาวน์โหลด 1 ล้านครั้งในเวลาเพียงสามวันบน Google Play ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2555 แอพนี้มาพร้อมกับกรอบรูปกว่า 100 กรอบและแสตมป์กว่า 600 แบบพร้อมคาแรกเตอร์ยอดฮิต LINE Camera ได้ติดอันดับหนึ่งในหมวดการถ่ายภาพฟรีบน Google Play ใน 15 ประเทศ และยังโชว์ถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LINE สามารถเข้าดูได้ที่เว็บไซต์ http://line.naver.jp/en/)

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 23 เมษายน 2555 เวลา 10:02 น.

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

Meizu MX Quad-core แอนดรอยด์โฟนพันธุ์ดุจากจีน


หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นกับชื่อ Meizu แต่สำหรับในประเทศจีนนั้น Meizu เป็นยี่ห้อโทรศัพท์มือถือที่ถือว่ามีชื่อเสียงโด่งดังอยู่พอสมควร ล่าสุดทาง Meizu ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์พันธุ์ดุที่มาพร้อมกับซีพียูระดับ Quad-Core โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Meizu MX Quad-Core เพิ่มจุดเด่นด้วยการใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.0 ที่ปรับแต่งตามแบบฉบับของ Meizu

         สำหรับ Meizu MX Quad-Core ใช้หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core ชิปเซ็ต Samsung Exynos A9 ขนาด 32 นาโนเมตร (ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่คาดกันว่าจะใช้ใน Samsung Galaxy S III) แรม 2 GB มาพร้อมกับขนาดหน้าจอสัมผัส 4 นิ้ว ASV Display ความละเอียด 640 x 960 พิกเซล กล้องถ่ายภาพความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการใช้งานมัลติมีเดียเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะดูคลิปวิดีโอระดับ HD ที่ 1080p การเล่นเกมได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังเพิ่มความอึดด้วยแบตเตอรี่ขนาด 1700 mAh และเพิ่มสีสันด้วยฝาหลังที่มีให้เลือก 5 สี สำหรับหน่วยความจำของ Meizu MX Quad-core มีให้เลือก 2 รุ่น คือ 32 GB และ 64 GB

         ส่วนราคาวางจำหน่ายในประเทศจีน รุ่น 32 GB ราคา 2,999 หยวน (ประมาณ 16,400 บาท) และรุ่น 64 GB ราคา 3,999 หยวน (ประมาณ 22,000 บาท) และราคาจำหน่ายในฮ่องกง รุ่น 32 GB ราคา 3,099 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 10,500 บาท) และรุ่น 64 GB ราคา 4,099 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 14,000 บาท)

       สำหรับ Meizu MX Quad-core ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ด้วยสเปคที่อัดมาแบบเต็มพิกัด รูปแบบการดีไซน์หรูหราที่มีลักษณคล้าย ๆ กับ iPhone 4 สำหรับใครที่กำลังสนใจสมาร์ทโฟนจากจีนตัวนี่อยู่ ทางแฟนเพจ Meizu Thai ได้ออกมาประกาศแล้วว่า Meizu MX Quad-core นั่นจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในเดือนมิถุนายน 2555 แต่ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาแน่ชัด สำหรับใครที่สนใจอย่าลืมติดตามข่าวของสมาร์ทโฟนจีนตัวนี้ได้จากแฟนเพจ Meizu Thai

แหล่งที่มา    เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

Epson Me Office 535 เล็กน่าใช้

เอปสันแนะนำเครื่องพรินเตอร์ออลอินวัน ที่มาพร้อมขนาดเล็กกระทัดรัดแถมประหยัดหมึกสุดๆ

ใครที่กำลังมองหาคู่หูงานพิมพ์ ขออนุญาตพาไปรู้จักเครื่องพิมพ์ Small in One จากค่ายยอดนิยมอย่าง Epson กับรุ่น Me Office 535 ที่มาพร้อมกับความเล็กกะทัดรัด ประหยัด น่าใช้งานที่ซู้ด

พรินเตอร์ตัวนี้จิ๋วแต่แจ๋ว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพครบครันทั้งพรินต์ สแกน และทำสำเนา ด้วยขนาดน่ารักยาว 15.4 นิ้ว กว้าง 1.8 นิ้ว และสูงเพียง 5.7 นิ้ว ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตที่ขนาดเล็กที่สุด เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ประเภทเดียวกันและเล็กกว่ารุ่นก่อนถึง 39 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอย วางไว้มุมไหนของโต๊ะทำงานก็ได้

Me Office 535 มีเทคโนโลยีการพิมพ์ไมโครพิเอสโซ่เฉพาะของเอปสัน ทำให้มีความเร็วในการพิมพ์ที่น่าประทับใจ โดยสามารถพิมพ์ 30 หน้าต่อนาที และทำสำเนาได้ 30/15 สำเนาต่อนาที (ขาวดำ/สี) ไม่ต้องเสียเวลารอคอย ยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับหมึกรุ่น 141 จะให้ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ต่ำสุดเพียง 0.98 บาท ต่อหน้าสำหรับการพิมพ์แบบขาวดำ นอกจากนี้ยังคุ้มค่าขึ้นไปอีกเมื่อเปลี่ยนเฉพาะสีที่หมดได้ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วสามารถพิมพ์ได้จำนวนสูงสุดที่ 235 หน้าสำหรับสีดำ และ 510 หน้าสำหรับหมึกสี

ภาพผลงานความละเอียดสูงสุด 5760 dpi และพิมพ์ได้แบบไร้ขอบเห็นเต็มตาเต็มจอ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีโปรแกรม Epson Creativity Suite สำหรับตกแต่งและปรับปรุงภาพ ไม่ว่าจะเป็นโทนสีผิว ความเข้มสี ระดับแสง และแก้ไขตาแดงได้อีกด้วย

ด้านการใช้งานก็ควบคุมผ่านจอแอลซีดีขนาด 1.44 นิ้ว ง่ายต่อการตั้งค่าการพิมพ์และชมภาพตัวอย่างก่อนพิมพ์ ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องต่อกล้องถ่ายรูปเข้ากับคอมพิวเตอร์อีกแล้ว เพราะ Me Office 535 มีช่องสำหรับอ่านการ์ดความจำโดยเฉพาะ

ใครสนใจก็สามารถหาซื้อได้ที่ศูนย์ไอทีทั่วไป

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 19 เมษายน 2555 เวลา 19:27 น.

ใช้แท็บเล็ตให้คุ้ม

ข้อแนะนำน่าสนใจในการใช้แท็บเล็ตเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น
นอกจากเราจะใช้แท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงหรือการทำงานแล้ว รู้หรือเปล่าว่า แท็บเล็ตยังเป็นเหมือนผู้ช่วยตัวฉกาจสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีอีกด้วย

1.ทำฐานข้อมูลลูกค้า
เปิดเข้าไปในฟังก์ชั่น Form ของ Google Docs ซึ่งจะมีเทมเพลตแบบต่างๆ คุณสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละรูปแบบธุรกิจ และลักษณะข้อมูลที่ต้องการ โดยให้ลูกค้าพิมพ์เพื่อลงทะเบียนประวัติ กรอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ด้วยตัวเองได้เลย สะดวก รวดเร็ว แถมยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีอีกด้วย

2.สร้างความบันเทิง
ธุรกิจบางอย่างที่ต้องใช้เวลารอต่อคิว เช่น ตัดผม ทำเล็บ สปา ล้างรถ เปลี่ยนจากนิตยสารเล่มเดิมๆ ที่มีไว้ให้อ่านจนเบื่อ เป็นแท็บเลตที่ลูกค้าสามารถเลือกฟังก์ชั่นใช้งานได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง เล่นอินเทอร์เน็ต เล่นเกม หรืออีบุ๊ก ฯลฯ

3.โชว์รายการอาหาร
สมัยนี้ร้านอาหารหลายร้านสร้างความน่าสนใจและเพิ่มความสะดวกโดยการใช้แท็บเล็ตเป็นเมนู ซึ่งลูกค้าสามารถไล่ดูรายการอาหารแถมกดสั่งได้เลย ในแง่เจ้าของธุรกิจ การใช้แท็บเล็ตก็จะช่วยให้คุณประหยัดเงินในการจ้างพนักงานรับออร์เดอร์ด้วย

4.สร้างกลุ่มลูกค้าใหม่
สำหรับธุรกิจที่ไม่ได้มีงบประมาณไว้สำหรับโฆษณา คุณสามารถโปรโมตสินค้าตัวเองผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ อัพเดตสิ่งที่หน้าสนใจใหม่ๆ อย่างสินค้าล่าสุด โปรโมชั่นใหม่ บนหน้าวอลล์ได้ตามต้องการทุกที่ทุกเวลา

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 20 เมษายน 2555 เวลา 11:15 น.

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

Samsung Champ Deluxe ...แชต สะใจ

สมาร์ตโฟนราคาเบาจากซัมซุงที่มาพร้อมแอพพลิเคชั่นที่สามารถแชตได้กับทุกระบบ

บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เปิดตัว “Samsung Champ Deluxe” เอาใจคนติดเพื่อนและขาแชตวัยรุ่น โดยมีพรีเซนเตอร์เป็นหนุ่มหล่อน่ากรี๊ดอย่างณเดชน์ คูกิมิยะ

Samsung Champ Deluxe ต่อยอดความสำเร็จของ Samsung Champ ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2553 ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี Champ Deluxe พัฒนาไปอีกขั้นเป็นสมาร์ตโฟนหน้าจอสัมผัส QVGA TFT ขนาด 2.8 นิ้ว ใช้หน่วยความจำภายใน 30 MB และรองรับได้สูงสุด 16GB โดดเด่นด้วยแอพพลิเคชั่นแชตใหม่ล่าสุด “แชตออน” (Chat On) จึงสามารถแชตได้กับมือถือทุกรุ่นที่มีแอพฯ นี้ ไม่เกี่ยงระบบปฏิบัติการ

ด้านความบันเทิงแบบอื่นๆ Champ Deluxe มีกล้องความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัส เครื่องเล่นเพลง MP3 วิทยุ FM ผ่านชุดหูฟัง 3.5 มม. แถมยังไม่พลาดทุกการอัพเดตข่าวสารสำคัญบนโลกออนไลน์หรือพูดคุยผ่าน Facebook, Twitter, MSN, Yahoo หรือ Gtalk ได้สบาย นอกจากนี้ยังดาวน์โหลดแอพฯ เพิ่มเติมได้ผ่าน Opera Mini

Samsung Champ Deluxe มีให้เลือก 2 สีคือ สีดำเงินและสีขาว ในราคาน่าคบเพียง 2,890 บาท วางจำหน่ายแล้วที่ร้านซัมซุงช็อปและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วไป

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 19 เมษายน 2555 เวลา 11:42 น.

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

โซนี่ แท็บเล็ต เอส เพื่อไลฟ์สไตล์บันเทิง

โซนี้วางจำหน่าย แท็บเล็ต เอส ตอบสนองไลฟ์สไตล์บันเทิงทุกด้านของคนรุ่นใหม่

Sony Tablet S การผสมผสานทุกสุดยอดนวัตกรรมของโซนี่ไว้ด้วยกันในหนึ่งเดียว เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์บันเทิงของคนรุ่นใหม่ได้อย่างครบถ้วน ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น 3.2 รองรับระบบ Wi-Fi ให้ผู้ใช้ใช้งานได้ง่ายและสนุกสนานกับการท่องเว็บต่างๆ กับเมนูความบันเทิงที่หลากหลายและยังสามารถสนุกได้กับแอพพลิเคชั่นอีกนับพัน คมชัดสบายตาด้วยจอขนาดใหญ่ 9.4 นิ้ว

นอกจากนั้น Sony Tablet S ยังสามารถให้ผู้ใช้สนุกสนานไปกับการเชื่อมต่อข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นเพื่อรับส่ง (อาทิ ทีวี เครื่องเสียง โน้ตบุ๊ก ผ่านระบบเครือข่ายในบ้าน เล่นเกมจากเพลย์สเตชั่น ใช้เป็นรีโมตคอนโทรลควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ด้วยระบบเซ็นเซอร์อินฟาเรด และฟังก์ชั่นล้ำยุคอื่น ๆ อีกมากมาย) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 02-715-6100

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 18 เมษายน 2555 เวลา 11:59 น.

วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

Intel Studybook แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา


         ปัจจุบันแท็บเล็ตได้เข้ามามีบทบาทในเรื่องของการศึกษามากขึ้น เราจะเห็นได้ว่าในบางประเทศนั่นเริ่มให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีประเภทแท็บเล็ต เข้ามาช่วยเป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับนักเรียน และล่าสุดยักษ์ใหญ่แห่งวงการคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันดีในนาม อินเทล (Intel) ได้เปิดตัวต้นแบบแท็บเล็ตเพื่อการศึกษาในชื่อ Studybook ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เพื่อการศึกษาในโครงการของอินเทลที่มีชื่อว่า Intel Learning Series เป็นโครงการที่รวมเอาฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการต่างๆ มารวมกันเพื่อจุดประสงค์ทางด้านการศึกษาเป็นหลัก และมุ่งเน้นด้านการพัฒนาและเพิ่มประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีให้แก่นักเรียน

          สำหรับ Studybook ตัวเครื่องทำด้วยพลาสติกและยาง ทำให้ทนทานต่อการตกจากที่สูงไม่เกิน 1 เมตร มีขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว ความละเอียด 1024x600 พิกเซล มาพร้อมกับซีพียู Atom Z650 แรม 1 GB และมีความจุตั้งแต่ 32 GB - 128 GB สามารถใส่ซิมการ์ดได้ พร้อมด้วยกล้องถ่ายภาพทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีพอร์ตต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น พอร์ต HDMI, USB 2.0 และตัวเครื่อง Studybook มีน้ำหนักเพียง 525 กรัม ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์ สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ระบบปฏิบัติ Windows 7 หรือระบบปฏิบัติการ Android 3.0 และสามารถดาวน์โหลดแอพฯ ฟรีเพื่อใช้ในการศึกษา เช่น Kno e-reader หรือ LabCam สำหรับใช้ในการการทดลองวิทยาศาสตร์ โดยสามารถต่อเชื่อมกับกล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซลที่ติดอยู่ด้านหลังแท็บเล็ตเพื่อใช้แทนกล้องจุลทรรศน์ได้ ชมภาพตัวอย่างด้านล่าง






          สำหรับเรื่องราคา ทางอินเทลยังไม่ได้กำหนดชัดเจน แต่คาดว่าทางผู้ผลิตที่ออกแบบแท็บเล็ตตัวนี้ จะคุมราคาขายด้วยราคาไม่เกิน $200 หรือประมาณ 6,000 บาท หรืออาจจะถูกกว่า อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงต้นแบบเท่านั้นแต่เชื่อว่าอีกไม่นานเราคงจะได้เห็นแท็บเล็ต Studybook ตัวนี้ เริ่มใช้งานในหลายๆ ประเทศและต้องรอลุ้นว่าประเทศไทยของเรา จะมีใครสนใจเข้าร่วมโครงการนี้กับอินเทลหรือไม่ ต้องคอยติดตาม

แหล่งที่มา   เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

Sony SmartWatch นาฬิกาข้อมือแอนดรอยด์

          นาฬิกาข้อมือเป็นอีกหนึ่งเครื่องประดับที่มีสไตล์แตกต่างกันออกไปและมันสามารถบ่งบอกถึงรสนิยมของผู้สวมใส่แต่ละคนได้เป็นอย่างดี แต่วันนี้เราขอนำเสนอนาฬิกาสำหรับยุคดิจิตอลที่เป็นแก็ดเจ็ต (Gadget) ตัวล่าสุดจากโซนี่ ซึ่งมาในรูปแบบนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะ ที่เรียกว่า โซนี่ สมาร์ทวอทช์ (Sony SmartWatch) สุดยอดนาฬิกาที่มาพร้อมกับความทันสมัย ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และสามารถเชื่อมต่อการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนของโซนี่ รวมไปถึงสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ เช่น HTC, Motorola, Samsung Galaxy เป็นต้น


         โซนี่ สมาร์ทวอทช์ นาฬิกาข้อมือมาพร้อมกับหน้าจอแบบมัลติทัช (OLED) ตัวนาฬิกามีขนาด 36 มม. x 36 มม. หนา 8 มม. โซนี่ สมาร์ทวอทช์ ให้เราเปิดโลกความบันเทิงด้วยการฟังเพลง, เช็คอีเมล, อ่าน SMS, เล่น Facebook, Twitter รวมไปถึงดูรายงานสภาพอากาศได้และมีบลูทูธสำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ และมีสาย USB สำหรับถ่ายโอนไฟล์ นอกจากนี้ยังสามารถใช้โซนี่ สมาร์ทวอทช์ควบคุมการโทรเข้า โทรออก ตัดสายเรียกเข้า ปิดไมโครโฟนบนสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย หากใครไม่ชอบใส่นาฬิกาไว้ตรงข้อมือสามารถติดถอดสายรัดข้อมือออกและสามารถติดโซนี่ สมาร์ทวอทช์ไว้กับเสื้อหรือสายสะพายกระเป๋าได้ เพราะด้านหลังของนาฬิกาจะมีตัวหนีบมาให้  สำหรับสายรัดข้อมือมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี เช่น สีดำ, สีเทา, สีขาว, สีชมพูและสีฟ้า เป็นต้น ส่วนเรื่องราคาของ โซนี่ สมาร์ทวอทช์ อยู่ที่ $183.00 หรือประมาณ 5,600 บาท สามารถสั่งซื้อที่ได้เว็บไซต์ Amazon.com



          สำหรับโซนี่ สมาร์ทวอทช์ ถือว่าเป็นแก็ดเจ็ตอีกหนึ่งตัวที่มีความน่าสนใจมากเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นนาฬิกาข้อมือสุดไฮเทคสำหรับยุคนี้จริง ๆ และใครที่กำลังหานาฬิกาข้อมือเท่ ๆ เอาไว้ใช้คู่กับสมาร์ทโฟนตัวโปรด โซนี่ สมาร์ทวอทช์ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม



แหล่งที่มา    เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

Toshiba เปิดตัวแท็บเล็ตแอนดรอยด์ตระกูล Excite

         Toshiba หนึ่งในผู้นำเทคโนโลยีที่ไม่ธรรมดา กลับมาลุยตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์อีกครั้ง หลังจากเมื่อปีที่แล้วออกแท็บเล็ตแอนดรอยด์ตระกูล Thrive แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ล่าสุดทาง Toshiba ได้เปิดตัวแท็บเล็ตแอนดรอยด์รุ่นใหม่ ตระกูล Excite มาพร้อม 3 ขนาดหน้าจอให้เลือกใช้งาน โดยมีขนาดหน้าจอ 7.7 นิ้ว, 10 นิ้ว และ 13 นิ้ว สำหรับทางด้านฮาร์ดแวร์จะใช้แบบเดียวกันทั้งหมด ใช้หน่วยประมวลผล Tegra 3 Quad-Core ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Android 4.0 พร้อมกล้องหลัง 5 ล้านพิกเซลและกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล ใช้ระบบเสียงจาก SRS Labs และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ ส่วนรายละเอียดของทั้ง 3 รุ่นมีดังนี้

Toshiba Excite 7.7


        ใช้จอภาพแบบ AMOLED ขนาด 7.7 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 800 พิกเซล ความหนา 0.3 นิ้ว มีช่องสำหรับเสียบ Micro SD แต่ไม่มี Micro HDMI และเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2555 ด้วยราคา 499 ดอลลาร์ (ประมาณ 14,800 บาท) สำหรับความจุ 16GB และ 519 ดอลลาร์ (ประมาณ 15,300 บาท) สำหรับความจุ 32GB

Toshiba Excite 10.1

          ใช้จอภาพแบบ LED 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1280x800 พิกเซล ความหนา 0.35 นิ้ว มีช่องสำหรับ Micro HDMI และช่องเสียบ SD โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2555 ด้วยราคา 449 ดอลลาร์ (ประมาณ 13,000 บาท) สำหรับความจุ 16GB และ 529 ดอลลาร์(ประมาณ 15,600 บาท) สำหรับความจุ 32GB

Toshiba Excite 13.3

          ใช้จอภาพแบบ AutoBrite LED ขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 1600 x 900 พิกเซล ความหนา 0.4 นิ้ว ช่องสำหรับ Micro HDMI และช่องเสียบ SD  โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายนด้วยราคา 649 ดอลลาร์ (ประมาณ  19,000 บาท) สำหรับความจุ 32GB และ 749 ดอลลาร์ (ประมาณ 22,000 บาท) สำหรับความจุ 64GB  

            อย่างไรก็ตาม สเปคที่เผยเปิดออกมานั้นเป็นเพียงสเปคฮาร์ดแวร์บางส่วนเท่านั้น ทาง Toshiba เองก็ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลสเปคทั้งหมด แต่ก็ถือว่าเป็นแท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่มีความโดดเด่นอยู่พอสมควร ทั้งหน่วยประมวลผลที่ใช้แบบ Quad-Core และระบบปฏิบัติการ Android 4.0 ตัวล่าสุดแถมยังมีหน้าจอให้เลือก 3 ขนาด สำหรับใครที่คิดที่ซื้อแท็บเล็ตแอนดรอยด์เอาไว้ใช้งาน Toshiba ตระกูล Excite ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าจับตามอง

แหล่งที่มา   เว็บไซต์กระปุกดอทคอม

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

โฮมเธียเตอร์ 9.1 เครื่องแรกของโลกจากแอลจี

คอหนังไม่ควรพลาดกับโฮมเธียเตอร์รุ่น HX906TX จากแอลจี ที่มาพร้อมเสียงทรงพลังและดีไซน์สุดเฉี่ยว

หากวันหยุดนี้ไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านยาวๆ พร้อมกับชมภาพยนตร์หรือคอนเสิร์ตสักเรื่องก็สร้างความสุขได้มาก โดยเฉพาะถ้ามีชุดโฮมเธียเตอร์ที่ให้พลังเสียงสุดเจ๋งราวกับอยู่ในโรงภาพยนตร์หรือกลางคอนเสิร์ตด้วยแล้ว เอาอะไรมาแลกก็คงไม่ยอม
แอลจี HX906TX ชุดโฮมเธียเตอร์ทรงพลัง ครั้งแรกของโลกกับลำโพง 9.1 แชนแนล มาพร้อมเทคโนโลยี CINEMA 3D Sound HTS ให้พลังเสียงสามมิติสมจริงทุกรายละเอียด ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

ด้วยการออกแบบให้ลำโพงอยู่ด้านบน จึงช่วยขับเคลื่อนคลื่นเสียงออกรอบทิศทาง มีตัวสะท้อนเสียง Reflector 360 องศา ช่วยปรับทิศทางเสียงให้ครอบคลุมพื้นที่ มีเทคโนโลยี Sound Field Expansion สร้างคลื่นเสียงในแนวนอนโดยทำงานประสานกับคลื่นเสียงในแนวตั้งและลำโพงสามมิติ เพื่อสร้างช่องเสียงที่ดีที่สุด เพิ่มเติมรายละเอียดของเสียงอีกนิดด้วย 3D Sound Analyzer มอบเอฟเฟกต์เสียงที่สมจริง

สามารถเล่นภาพยนตร์สามมิติจากแผ่น 3D Blu-ray ด้วยความละเอียดระดับ 1080p ให้ภาพ 3 มิติสวยสมจริง ด้วยการใช้ชิปประมวลผลขนาด 12 บิต ซึ่งแสดงความแตกต่างของชั้นภาพได้ถึง 4,096 ระดับ นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งานร่วมกับ LG Smart TV, Wireless LAN Built-in Wi-Fi และสามารถเชื่อมต่อไอโฟนและไอพอดได้ ควบคุมการทำงานอย่างง่ายดายด้วยรีโมตหรือสมาร์ตโฟนของคุณ

วางจำหน่ายแล้ว ราคา 29,990 บาท

แหล่งที่มา   เว็บไซต์โพสทูเดย์ 15 เมษายน 2555 เวลา 13:28 น.