วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ระบบประชุมออนไลน์ของคนไทย ใช้ฟรี

 วีคลาส.ไทย ...ระบบประชุมออนไลน์ บริการฟรี, ใช้งานง่าย และไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่ม

📝 วิธีใช้งาน วีคลาส.ไทย

https://www.thnic.co.th/th/news/22/

💻 ประชุมออนไลน์ได้ที่: วีคลาส.ไทย หรือคลิก  https://xn--42c0eeo3bp.xn--o3cw4h/

อ้างอิง   https://tinyurl.com/3abkf85e

อีเมล 10 นาที

10minutemail.net เป็นบริการอีเมลใช้แล้วทิ้งที่ฟรี 

ที่อยู่อีเมลชั่วคราวของคุณจะหมดอายุภายใน 10 นาที หลังจากนั้นคุณจะไม่สามารถใช้ที่อยู่นั้นได้อีก คุณสามารถต่อเวลาได้อีก 10 นาที เว็บไซต์ที่คุณจะลงทะเบียนนั้นอาจจะนำข้อมูลส่วนตัวของคุณไปขาย คุณไม่มีทางรู้เลยว่าอีเมลของคุณจะถูกนำไปเปิดเผยที่ไหน ถ้าเป็นเช่นนี้ อีเมล 10 นาทีจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาของคุณ

คลิกใช้งานอีเมล์สิบนาที https://10minutemail.net/?lang=th

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เว็บย่อไฟล์ PDF

เอาอยู่ทุกไฟล์ เปิดดูเครื่องไหนก็ไม่เพี้ยน 

หลายคนยกให้ PDF เป็นไฟล์ยอดฮิตของชาวออฟฟิศ แต่ก็ยังไม่วายเจอปัญหา ถ้าไฟล์ที่ต้องการส่งใหญ่เกินไป ส่งเมลไม่ผ่าน ส่ง LINE ก็ใช้เวลาโหลดนานเกินเรื่อง

ใครเจอปัญหานี้อยู่ กับ 3 เว็บย่อไฟล์ PDF ที่ใช้งานได้ไม่ยุ่งยาก แถมปรับแต่งเองได้จากหน้าเว็บ ลองเอาไปใช้กัน

1. https://smallpdf.com/th/compress-pdf

  • ใช้งานฟรี  7 วัน
  • ไม่จำกัดขนาดไฟล์ในการแปลง
  • มีตัวเลือกบีบอัดไฟล์ได้
  • รองรับ cloud บน Google drive, Dropbox
  • มีฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
  • รองรับทั้ง platform บน Mac, Windows หรือ Linux 

2. https://pdfcandy.com/th/compress-pdf.html

  • ใช้งานฟรี
  • จำกัดขนาดไฟล์ในการแปลงไม่เกิน 256 MB
  • ไม่มีตัวเลือกบีบอัดไฟล์ได้
  • รองรับ cloud บน Google drive, Dropbox
  • มีฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
  • รองรับเฉพาะ online only

3. https://avepdf.com/th/compress-pdf

  • ใช้งานฟรี
  • จำกัดขนาดไฟล์ในการแปลงไม่เกิน 256 MB
  • มีตัวเลือกบีบอัดไฟล์ได้
  • รองรับ cloud บน Google drive, Dropbox
  • มีฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
  • รองรับเฉพาะ online only

นอกจากจะบีบอัดไฟล์ได้แล้ว ยังสามารถแปลงไฟล์ PDF เป็นไฟล์อื่นๆ รวมหน้า ลบหน้า หมุน ใส่ลายน้ำ ปลดล็อครหัส ทั้งหมดนี้ทำได้จากบนเว็บไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่ม สะดวกมาก 

อ้างอิง  https://tinyurl.com/e6sdpy7s

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เว็บแจกเทมเพลตทำพรีเซนท์ ฟรี!

 ทำงานแบบ WFH คงหนีไม่พ้นต้องทำสไลด์ มาอัปเดต 6 เว็บแจกเทมเพลตทำพรีเซนท์ ฟรี! 

โหลดง่าย ใช้ได้ทั้ง Google Slides และ PowerPoint

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเรียน หรือทำงาน คงหนีไม่พ้นการทสไลด์เพื่อนำเสนองานกันทั้งนั้น ซึ่งการออกแบบหน้าตาในการนำเสนองานก็มีผลต่อผู้ชมไม่น้อย อย่างงานขายสินค้า ก็ต้องสวย สะดุดตา เพื่อเรียกลูกค้า งานวิชาการ ต้องเรียบหรู มีความน่าเชื่อถือ สอดคล้องกับเนื้อหา 

แล้วถ้าออกแบบไม่เก่ง ไม่มีเวลาตกแต่งสไลด์ จะทำไงดี? วันนี้เรารวบรวม 6 เว็บไซต์แจกฟรีเทมเพลตช่วยเพิ่มความปังการนำเสนอของคุณให้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

1. Slidesgo : https://slidesgo.com/  

2. PPTMON : https://pptmon.com/

3. PowerPointHub : https://www.powerpointhub.com/

4. PRESENTATIONGO : https://www.presentationgo.com/

5. SlidesMania : https://slidesmania.com/

6. FDR : https://freedesignresources.net/

ต่อไปนี้ การทำพีเซนเทชันก็ง่ายและประหยัดเวลามากขึ้น ใครที่ชอบก็ฝากแชร์ไปให้ได้ใช้กัน

อ้างอิง  https://tinyurl.com/wpp8k3yz

เซ็นเอกสารออนไลน์

เป็นบริษัทคนไทย ที่ให้บริการชื่อว่า Creden eSignature ช่วยจัดการเรื่องเซ็นเอกสารด้วยระบบลายเซ็นอิเล็กทรอนิก

Creden e-Signature เป็นโซลูชันจัดการเอกสารบนคลาวด์ที่ช่วยให้คุณสามารถแทนที่กระบวนการลายเซ็นกระดาษและหมึกด้วยการเซ็นอิเล็กทรอนิกส์

ข้อดี

  • เป็นบริษัทไทย เข้าใจการใช้งานแบบไทยได้ดี
  • เอกสารที่เซ็นผ่าน Creden eSignature สามารถใช้รับรองทางกฏหมายได้ เพราะเอกสารที่เซ็นมีการยืนยันกับภาครัฐทุกเอกสาร โดยร่วมกับ ETDA ในการยืนยันในการทำ Time Stamp ที่ ETDA 
  • เอกสารถูกจัดเก็บบน Blockchain ด้วย เป็นการป้องกันอีกชั้นว่าข้อมูลไม่ได้ถูกแก้ไข
  • มีระบบยืนยันตัวตน (eKYC) ที่ระบุตัวตนคู่กับบัตรประชาชน ทำให้มั่นใจแน่นอนว่าคนที่

ดู Video การใช้งานได้ที่นี่ https://youtu.be/odL_S98xY8w

ราคา ใช้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย (มีข้อจำกัดใช้งานกับ 5 เอกสารต่อเดือน)

รายละเอียด https://creden.co/

เรียน-ประชุม ในช่วงการระบาด COVID-19

แอพฯ Video Conference ช่วยการเรียน-ประชุม ในช่วงการระบาด COVID-19 เป็นเครื่องมือสื่อสารเพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะและการอยู่ในสถานที่ที่มีการรวมตัวของคนเป็นจำนวนมาก

จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันก็มีผู้ให้บริการหลายรายพัฒนาแอพพลิเคชั่น Video Conference เพื่อสร้างความสะดวกสบายและรองรับการเรียนและการทำงานผ่านทางออนไลน์ซึ่งนับได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในช่วงวิกฤตการระบาดของ COVID-19 ในวันนี้สภาดิจิทัลฯ จึงได้รวบรวมแอพพลิเคชั่นVideo Conferenceที่สามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรีมาให้กับทุกคน จะมีแอพพลิเคชั่นใดบ้างมาดูกันเลย

1. True VROOM

- รองรับผู้ใช้ได้สูงสุด 1,500 คน

- แชร์ภาพหน้าจอโดยตรงจากอุปกรณ์ในกลุ่มผู้ร่วมประชุมได้

- แชร์คอนเทนต์รูปภาพและไฟล์ได้

- สามารถบันทึกการประชุมออนไลน์

- รองรับการใช้งานผ่าน Web Browser (ทุกอุปกรณ์)

2. Zoom

- รองรับผู้เข้าร่วมประชุม 100 คน

- การประชุมแบบกลุ่มจำกัดเวลาที่ 40 นาที แบบ 2 คนคุยกันได้ไม่จำกัดเวลา

- แชร์ภาพหน้าจอโดยตรงจากอุปกรณ์ในกลุ่มผู้ร่วมประชุมได้

- มี whiteboard ให้ใช้เขียนเหมือนประชุมจริงได้

- แชร์รูปภาพและไฟล์ได้

- อัดวีดีโอการประชุมได้

- รองรับการใช้งานผ่าน Android, iOS, PC, Mac

- รองรับการใช้งานผ่าน Web Browser (ทุกอุปกรณ์)

Zoom มีทั้งแบบบริการฟรีและเสียค่าบริการ ข้อจำกัดแบบฟรีที่เห็นได้ชัดคือ ในการประชุมแต่ละครั้ง ผู้ใช้จะประชุมได้ไม่เกินครั้งละ 40 นาที หากต้องการประชุมต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ต้องสร้างห้องประชุมขึ้นใหม่ แต่ล่าสุดไม่ต้องสร้างห้องใหม่ เพียงออกจากห้องนั้นแล้วกลับเข้าไปห้องเดิม ก็สามารถประชุมกันต่อได้

รายละเอียดเพิ่มเติม https://zoom.us/

3. Google Hangouts

- รองรับผู้ใช้ได้สูงสุด 10 คน (Gmail, G Suite Basic)

- แชร์ภาพหน้าจอโดยตรงจากอุปกรณ์ในกลุ่มผู้ร่วมประชุมได้

- แชร์รูปภาพและไฟล์ได้

- รองรับการใช้งานผ่าน Android, iOS, PC, Mac

- รองรับการใช้งานผ่าน Web Browser (ทุกอุปกรณ์)

- ต้องใช้ Google Account (Gmail)

4. Skype

- รองรับผู้ใช้ได้สูงสุด 50 คน

- ภาพและเสียงคุณภาพระดับ HD

- แชร์ภาพหน้าจอโดยตรงจากอุปกรณ์ในกลุ่มผู้ร่วมประชุมได้

- แชร์รูปภาพและไฟล์ได้

- แปลภาษา real time ได้ 10 ภาษา ของภาษาไทยแปลได้เฉพาะการพิมพ์ text

- รองรับการใช้งานผ่าน Android, iOS, PC, Mac,

- รองรับการใช้งานผ่าน Web Browser (ทุกอุปกรณ์)

จุดเด่นของ Skype คือราคาที่ฟรีตลอดไป เวอร์ชันฟรีสามารถคุยได้พร้อมกันสูงสุด 50 คนต่อห้อง, แชร์หน้าจอให้กันได้, บันทึกการสนทนาได้ ส่วนเวอร์ชันเสียเงินเน้นที่การโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์ปกติ

ราคา ฟรี (เสียเงินเฉพาะการโทรไปยังเบอร์โทรศัพท์)

5. Line video call

- รองรับผู้ใช้ได้สูงสุด 200 คน

- Live รองรับผู้ชมได้สูงสุด 500 คน

- แชร์ภาพหน้าจอโดยตรงจากอุปกรณ์ในกลุ่มผู้ร่วมประชุมได้ (เฉพาะ Line บน PC)

- แชร์คอนเทนต์รูปภาพและไฟล์ได้

- มีเอฟเฟกต์ให้เลือกตกแต่งเล่นระหว่างคุย

- รองรับการใช้งานผ่าน Android, iOS, PC, Mac

- รองรับการใช้งานผ่าน Web Browser (ทุกอุปกรณ์)

6.FaceTime

- รองรับผู้ใช้ได้สูงสุด 32 คน

- แชร์ภาพหน้าจอโดยตรงจากอุปกรณ์ในกลุ่มผู้ร่วมประชุมได้ (ผ่านแอพ Facetime Screen Share)

- รองรับการใช้งานผ่าน iOS, Mac

7. Facebook Messenger

- รองรับผู้ใช้ได้สูงสุด 6 คน

- แชร์ภาพหน้าจอโดยตรงจากอุปกรณ์ในกลุ่มผู้ร่วมประชุมได้ (เฉพาะ Line บน PC)

- แชร์คอนเทนต์รูปภาพและไฟล์ได้

- รองรับการใช้งานผ่าน Android, iOS, PC, Mac

- รองรับการใช้งานผ่าน Web Browser (ทุกอุปกรณ์)

8. Microsoft Teams

- รองรับผู้ใช้ได้สูงสุด 250 คน

- แชร์ภาพหน้าจอโดยตรงจากอุปกรณ์ในกลุ่มผู้ร่วมประชุมได้ (เฉพาะ Line บน PC)

- แชร์คอนเทนต์รูปภาพและไฟล์ได้

- รองรับการใช้งานผ่าน Android, iOS, PC, Mac

- รองรับการใช้งานผ่าน Web Browser (ทุกอุปกรณ์)

- สามารถบันทึกการประชุม และเก็บขึ้น Streams โดยไม่หนักเครื่อง

- สามารถทำ Blur background เพื่อตัดการรบกวนจากพื้นหลัง

- มี live captions & subtitles ซึ่งจะช่วยแปลงเสียงพูดเป็นคำบรรยายให้กับการสนทนา

- สามารถเชื่อมต่อกับ Calendar ที่ใช้อยู่แล้วบน Outlook เพื่อนัดประชุมได้

- สามารถ Plugin Zoom ได้ โดยไม่จำกัด​เวลาการประชุม

จุดเด่นของโปรแกรมประชุมออนไลน์ตัวนี้ ยังออกแบบให้รองรับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ อีกจำนวนมาก อย่างเช่น Slack โปรแกรมใช้แชท ใช้ส่งข้อความในกลุ่มส่วนตัว ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดพอสมควร

ฟรี สำหรับคนที่มี Office 365 อยู่แล้ว ได้ฟีเจอร์เต็มรูปแบบ (ราคาเริ่มต้น 5 ดอลลาร์/คน/เดือน)

ฟรี สำหรับคนทั่วไป มีจำกัดฟีเจอร์บ้าง เช่น ประชุมกลุ่มใหญ่ไม่ได้ (ได้แต่แบบ 1:1) พื้นที่สตอเรจลดลง บันทึกการประชุมไม่ได้

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.microsoft.com/en-us/microsoft-teams/group-chat-software

9. โปรแกรมประชุมออนไลน์ Google Meet

โปรแกรมประชุมออนไลน์อีกตัวหนึ่งที่น่าจับตาคือ Google Meet เป็นผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งของกูเกิล ซึ่งปัจจุบันทุกคนใช้งานได้ฟรี มันถูกออกแบบมาเพื่อบริการการประชุมออนไลน์ในเชิงธุรกิจ มีระบบความปลอดภัยที่ดี ทุกคนสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน

ลักษณะเด่นของโปรแกรม Google Meet :

- มีความปลอดภัยสูง

- ประชุมได้ทุกที่

- รับผู้ชมได้สูงสุด 100,000 คน

- ประชุมออนไลน์ได้สูงสุด 250 คน

- บริการฟรี!

- รองรับองค์กรทุกขนาด

- ประชุมได้ทุกอุปกรณ์

- มีระบบ AI ปรับลดคุณภาพภาพและเสียง

เมื่อพิจารณาจากฟีเจอร์ของโปรแกรม Google Meet แล้ว พบว่าน่าใช้งาน คาดว่าในอนาคตจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของค่ายอื่นๆ เพราะมีลูกเล่นหลายอย่าง อาทิ มีระบบจัดตารางวาระประชุมออนไลน์แบบง่ายๆ สามารถแชร์หน้าจอเพื่อนำเสนอเอกสาร สไลด์หรือหน้าต่างโปรแกรมอื่นๆ ที่อยู่บนคอมพิวเตอร์/มือถือ

โปรแกรม Google Meet รองรับการประชุมออนไลน์ขนาดใหญ่ซึ่งทำได้สูงสุด 250 คนในคราวเดียว สามารถเข้าร่วมประชุมจากโทรศัพท์ได้ หมายถึงการเข้าร่วมแบบวิดีโอคอลนั่นเอง หรือจะคอลเฉพาะเสียงก็ได้ สามารถควบคุมวาระการประชุมได้ดังใจ สามารถประชุมออนไลน์ภายในองค์กรด้วยการไลฟ์สดผ่านโดเมนเดียวกัน โดยพนักงานสามารถรับชมได้พร้อมกันสูงสุด 1 แสนคน!

10. Discord

แอพแชทยอดนิยมสำหรับเหล่าเกมเมอร์ ฟีเจอร์จัดเต็มทั้งแชท คุยเสียง วิดีโอ แชร์หน้าจอได้ วิดีโอคอลล์ได้พร้อมกันสูงสุด 10 คน รองรับแพลตฟอร์มหลากหลาย รวมถึงใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ด้วย

จุดเด่นอีกอย่างของ Discord คือราคาที่ฟรีตลอดไป เพราะโมเดลการทำเงินของ Discord คือการจ่ายเงินค่าสมาชิกรายเดือน (เรียกว่า Nitro) เพื่อเพิ่มฟีเจอร์บางอย่างสำหรับเกมเมอร์ (เช่น ใส่แอนิเมชันได้, ปรับแต่งโพรไฟล์ได้, อัพโหลดรูปได้เยอะขึ้น)

รายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้จาก แนะนำวิธีใช้ Discord ทำงานจากบ้าน ประชุมทางไกลแบบเห็นหน้า แชร์จอได้

ราคา ฟรี

11. Cisco Webex

Cisco Webex ถือเป็นต้นฉบับของโซลูชันการประชุมวิดีโอในองค์กร (ปัจจุบันใช้ชื่อ Webex Meetings) และภายหลังก็ขยายตัวมายังระบบแชทในองค์กรด้วย (ใช้ชื่อ Webex Teams)

ฟีเจอร์ของ Webex เรียกว่าครบถ้วนสำหรับลูกค้าองค์กร รองรับการประชุมสูงสุด 3,000 คนต่อห้อง และไลฟ์สตรีมสูงสุด 100,000 คน

ปัจจุบัน Webex มีแพ็กเกจรุ่นฟรี สำหรับการประชุมไม่เกิน 100 คน และเปิดประชุมได้ต่อเนื่อง 40 นาที

ฟรี (จำกัดการประชุมไม่เกิน 100 คน) รุ่นเสียเงินเริ่มต้นที่ 13.50 ดอลลาร์

รายละเอียด  https://www.webex.com/pricing/index.html

❤❤❤❤❤❤❤

ถึงแม้ว่าวิกฤตการระบาด COVID-19 จะส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนในประเทศ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ผลักดันให้ทุกคนต้องปรับตัวเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งจะเป็นการพลิกโฉมพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตของผู้คนให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นในขณะเดียวกันก็ทำให้ส่งผลให้หลายธุรกิจมีโอกาสคิดค้นและมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เหมาะสมและตอบโจทย์ลูกค้าได้มากขึ้นเช่นกัน

อ้างอิง  https://dct.or.th/news/detail/57,  https://tinyurl.com/2xnt7fhphttps://tinyurl.com/2mnh9h34